นับตั้งแต่ที่แอร์ได้เผยแพร่บล็อก "บอกลาสิวด้วยพลังธรรมชาติบำบัด" ไปแล้ว ก็ได้รับเสียงตอบรับดีทีเดียวค่ะ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆ คนที่หาทางออกสำหรับการรักษาสิวมาหลากหลายที่ แต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ยังไม่สามารถทำให้สิวหายไปได้ ... มีเพื่อนๆ ที่ลองปฏิบัติตามบล็อคแอร์ แล้วได้ผลดี ก็มาเล่าให้ฟัง ก็แสดงความยินดีด้วยค่ะ ^____^ ส่วนเพื่อนๆ ท่านไหน อยากได้คำแนะนำวิธีรักษาสิวของแอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลปัญหาสิว
ส่ง email : มาที่ nathymee@yahoo.com พร้อมรูปถ่าย บริเวณที่เป็นสิว
ถ้าไม่สะดวกก็เล่าอาการมาให้ฟังก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเห็นรูปถ่ายจะดีที่สุด
เพื่อจะได้วิเคราะห์หาสาเหตุ วิธีแก้ได้
พร้อมเล่าประวัติการเป็นสิว พฤติกรรมของคุณ เช่น การขับถ่าย
อาหารที่ชอบรับประทาน ความเครียด การพักผ่อน
เล่าให้ละเอียดจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์หาสาเหตุค่ะ
แอร์มีความปราถนาดี อยากจะช่วยเพื่อนๆ ที่มีปัญหาเหมือนกัน ได้ลองวิธีรักษาใกล้ตัว เลิกหาหมอ เลิกใช้ยารุนแรง หันมาดูแลร่างกาย เพราะหมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง เราที่รู้จักร่างกายของเราดีกว่าใคร หมอรักษาตามอาการ แต่ไม่สามารถรักษาที่ต้นตอ สาเหตุได้ จึงทำให้เราเป็นสิวไม่หายสักที แต่ถ้าแก้ที่เหตุ ผลก็ย่อมตามมา ... อยากให้เชื่อ ว่าตัวคุณเอง ก็เป็นหมอรักษาสิว ได้ค่ะ ... ถ้าคิดในมุมบวก มีสิวขึ้น เป็นสิ่งดี เพราะเขากำลังเตือนเราว่า ร่างกายเราเริ่มทรุดโทรด ให้หันมาดูแล ก่อนจะสายเกินแก้ .. ต่างจากคนที่ไม่มีสิว หน้าใส แต่ภายในเขาอาจกำลังแย่มากๆ แต่ร่างกายไม่แสดงออก รู้ตอนสุดท้ายก็อาจสายเกินไป
ฉะนั้น เรามาเริ่มลงมือ ปฏิวัติ พฤติกรรม เราใหม่ หันมาดูแลสุขภาพร่างกาย
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
นาฬิกาชีวิตช่วยพิชิตสิว
การมีสิวขึ้น คือสัญญาณที่บ่งให้เห็นว่า่ร่างกายเสื่อมโทรม ไม่สมดุล อวัยวะภายในร่างกายของเรามีการทำงานอย่างเป็นระบบ ดังนั้นเราควรจะรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร เวลาไหนไม่ควรทำสิ่งใด เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย เพื่อให้ระบบการทำงานของร่างกายสมดุลมีประสิทธิภาพ การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกายซึ่งประกอบด้วยหัวใจ, เยื่อหุ้มหัวใจ, ปอด, ม้าม, ตับ ไต, กระเพาะอาหาร, ถุงน้ำดี, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, กระเพาะปัสสาวะ, ระบบความร้อนของร่างกาย, การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า "นาฬิกาชีวิต" ต่อมเล็กๆ ในสมองของมนุษย์คือจุดควบคุมจังหวะสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหวเป็นไปในลักษณะต่างๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ดังนั้น การดูแลควบคุมพฤติกรรมในแต่ละวันให้สัมพันธ์กับนาฬิกาภายในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้ผลทั้งการควบคุม สมดุล ความปกติของสุขภาพ และสัดส่วนน้ำหนัก และนี่คือสิ่งที่ควรรู้
ดังนั้น การดูแลควบคุมพฤติกรรมในแต่ละวันให้สัมพันธ์กับนาฬิกาภายในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้ผลทั้งการควบคุม สมดุล ความปกติของสุขภาพ และสัดส่วนน้ำหนัก และนี่คือสิ่งที่ควรรู้
ลองจัดระเบียบชีวิตของตัวเองใหม่ตามนาฬิกาชีวิตดูนะคะ แล้วปัญหาสิวจะอันตราธานหายไป ที่สำคัญคือ เวลานอน เวลารับประทานอาหาร และเวลาขับถ่าย ต้องสอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต รวมถึง ความเครียด อันนี้สำคัญ พยายามอย่าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีความเครียดสูง พยายามหาวิธีผ่อนคลาย เพราะอย่าลืมว่า "ความเครียด" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเป็นสิว ไม่หายสักที นะคะ
สิวบอกโรค (face mapping)
คุณรู้หรือไม่คะ ว่าตำแหน่งสิวบนใบหน้าบริเวณต่างๆ คือสัญญาณเตือนเราว่าภายในกำลังมีปัญหาอะไรอยู่ ตามหลักแพทย์แผนจีน เชื่อว่าตำแหน่งต่างๆ ของสิว ที่ขึ้นนั้น แสดงให้เห็นสุขภาพภายในว่า อวัยวะใดกำลังเสื่อมโทรมต้องเร่งแก้ปัญหา
สิวบอกโรค : โซนที่ 2 สิวบริเวณหว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การทานอาหารรสจัดหรือทานอาหารดึกเกินไป
สิวบอกโรค : โซนที่ 4 และโซนที่ 10 ผิวบริเวณหูนี้เป็นผลพวงของไต หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง
สิวบอกโรค : โซนที่ 5 และโซนที่ 9 บริเวณแก้มทั้งสองด้าน โดยแก้มส่วนบนจะเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วนแก้มส่วนล่าง เหงือกและฟัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด
สิวบอกโรค : โซนที่ 6 และโซนที่ 8 ตำแหน่งรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือพักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคือง อาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร
สิวบอกโรค : โซนที่ 7 ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปาก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด
สิวบอกโรค : โซนที่ 11 และโซนที่ 13 หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกราม หรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน
สิวบอกโรค : โซนที่ 14 หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง
Face Mapping กระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้นที่ว่า "ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ" ทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพผิว
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิว จากศูนย์สุขภาพผิวเลียวนาร์ด เดรก ได้นำเสนอแนวทางการป้องกันโดยมีหลักในการวิเคราะห์สภาพผิวแบบ Face Mapping นั้นจะเป็นการวิเคราะห์สภาพผิวที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวโดยทั่วไป โดยแบ่งส่วนใบหน้า ลำคอ และแผ่นอกออกเป็น 4 โซน
สิวบอกโรค : โซนที่ 1 และโซนที่ 3 ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร
สิวบอกโรค : โซนที่ 2 สิวบริเวณหว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การทานอาหารรสจัดหรือทานอาหารดึกเกินไป
สิวบอกโรค : โซนที่ 4 และโซนที่ 10 ผิวบริเวณหูนี้เป็นผลพวงของไต หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง
สิวบอกโรค : โซนที่ 5 และโซนที่ 9 บริเวณแก้มทั้งสองด้าน โดยแก้มส่วนบนจะเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วนแก้มส่วนล่าง เหงือกและฟัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด
สิวบอกโรค : โซนที่ 6 และโซนที่ 8 ตำแหน่งรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือพักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคือง อาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร
สิวบอกโรค : โซนที่ 7 ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปาก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด
สิวบอกโรค : โซนที่ 11 และโซนที่ 13 หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกราม หรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน
สิวบอกโรค : โซนที่ 12 สิวเรื่อๆ บริเวณคางนี้ สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลำไส้เล็ก ที่มีผลจากการรับประทานของเผ็ด
สิวบอกโรค : โซนที่ 14 หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง
วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
แหล่งสินค้ารักษาสิว
มีเพื่อนๆหลายคนถามมาว่า แล้วจะหาซื้ออุปกรณ์ดีท็อกซ์หรือผงไฟเบอร์
หรือผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวจากที่ไหนได้บ้าง แอร์พอจะมีแหล่งที่แอร์ไปหามาบ้างได้บ้างค่ะ
ต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพฯ จะมีร้านขายยาสมุนไพร ขายสินค้า OTOP
นี่เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เราจะหาได้ค่ะ
ร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ ร้านขายยา หรือเพื่อนๆ อาจหาซื้อจากเวปไซต์
เช่นที่นี่ค่ะ
เป็นของแอร์เอง เนื่องจากเป็นคนชอบซื้อชอบลอง อะไรต่างๆ นานา ที่ทำให้เราหายเป็นสิว ทดลองมาเกือบหมดทุกสิ่งทุกอย่าง จึงมาจบสุดท้ายที่ผลิตภัณฑ์ที่แอร์เลือก และคิดว่าดีที่สุดสำหรับแอร์ และทำให้ปัญหาสิวหมดไป ตอนแรกก็ซื้อมาใช้เอง (เยอะมากค่ะ) ก็แจกจ่ายให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่มีปัญหาเหมือนกันได้ลองใช้ ลองทำตามคำแนะนำที่แอร์เคยทำมา ก็ได้ผลดีค่ะ สิวค่อยๆ อันตรธานหายไป แต่ทั้งนี้ต้องดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะคะ ไม่ใช่ปล่อยตามใจปาก หรือตามความต้องการของเรา อันนั้น สิวหายช้า และหายยากด้วยค่ะ
ชอปของแอร์ที่ทำขึ้นมาเกิดจากแรงบันดาลใจที่เราอยากทำให้มีคนหายสิว ไม่อยากให้ทนทุกทรมาน จึงสรรหาสรรพสิ่งบนโลกนี้ที่คิดว่าเป็นคำตอบ และ ตัวเราที่ต้องทำให้ผลิตภัณฑ์ดีๆทั้งหลายใช้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"สิวหายได้ ถ้ารู้เหตุ และแก้ที่เหตุค่ะ"
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เคล็ดลับหน้าใส ไร้สิวและริ้วรอย
วันนี้นำบทความดีๆ มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านคุณหมอเวชศาสตร์ต้านชรา ซึ่งแอร์คิดว่าสิ่งที่คุณหมอเขียนนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับคนที่มีปัญหาสิว วิธีนี้แอร์ทดลองแล้วค่ะ ได้ผล ร้อยเปอร์เซ็นต์ ลองอ่านดูนะคะ
ใครที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวพรรณไม่สดใส มี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งเป็นสัญญาณของความเสื่อมของผิว เมื่อพูดถึงการดูแลผิว หมอเชื่อว่าหลายๆคน จะหาวิตามินอาหารเสริมมารับประทาน คาดหวังว่าจะมีผิวพรรณที่ดูสดใส อ่อนเยาว์ แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวัง เพราะขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้วิตามิน และการดูแลเรื่องอาหารอย่างถูกต้อง วันนี้หมอจะมาช่วยไขความลับ ว่าทำอย่างไรให้มีหน้าใสปิ้ง ไร้ริ้วรอย
1 แป้งและน้ำตาล อาหารผู้ร้ายทำลายผิว แป้งและน้ำตาลเป็นอาหารที่ทำให้คุณสวยหล่อน้อยลง ท่องไว้เลยครับถ้าไม่อยากถูกใครเรียกว่าหน้าเยิน ให้เลี่ยงแป้งและน้ำตาลขัดขาว ให้จำไว้ว่าน้ำตาล ของหวานทั้งหลายนั้น หวานแต่ร้าย ทำให้แก่เร็ว แป้งและน้ำตาลขัดขาวอันตราย เช่น ข้าวขาว, เส้นก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน, พาสต้า, สปาเก็ตตี้, พิซซ่า เค้ก คุ้กกี้ หันมาทานแป้งไม่ขัดสี ป้องกันผิวหน้าเยินกันเถอะครับ แป้งที่ไม่ขัดขาว หรือแป้งที่มีกากใยอาหาร เป็นอาหารที่ไม่กระตุ้นการอักเสบ ช่วยดับไฟอักเสบที่ผิว กากใยช่วยเบรคหรือชะลอไม่ให้น้ำตาลดูดซึมเข้าร่างกายเราเร็วเกินไป ถ้าคุณรักผิว ปกติที่ทานข้าวขาวลองเปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังขาวลองเปลี่ยนเป็นขนมปังโฮลวีท ขนมปังธัญพืช พาสต้าเส้นสีขาวเปลี่ยนมาเป็นพาสต้าโฮลเกรน แล้วน้ำตาลทำร้ายผิวหน้าเราอย่างไร หลายคนเริ่มมีคำถามในใจ ผิวหน้าเราเสื่อมเมื่อน้ำตาลรวมตัวกับโปรตีนครับ เราเรียกสภาวะนี้ว่าการเกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) โปรตีนที่เนื้อผิวเราก็คอลลาเจนนั่นเองครับ น้ำตาลเมื่อเข้าไปเกาะกับคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจน (Collagen) แข็งไม่ยืดหยุ่น เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวแย่ เยิน ไม่เนียนนุ่ม มีริ้วรอย
2 หลีกให้ไกลจากอนุมูลอิสระ ปัจจุบันนี้การแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย พูดถึงผู้ร้ายที่คอยทำลายผิวเราอีกตัวคือ “อนุมูลอิสระ (Free Radicals)” อนุมูลอิสระทำให้เซลล์เสื่อม เซลล์ผิวของเราก็ด้วย อนุมูลอิสระมาจากกระบวนเมทาบอลิซึมในร่างกาย หรือกระบวนการเผาผลาญอาหารที่เราทานเข้าไป ซึ่งเกิดขึ้นที่โรงงานของเซลล์ที่เรียกว่า “ไมโตคอนเดรีย” โดยอาศัยออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไปเป็นตัวช่วยได้เป็นพลังงานออกมา แต่ในขณะเดียวกันจะได้อนุมูลอิสระออกมาด้วย การเกิดอนุมูลอิสระเป็นปฏิกิริยาเดียวกับเมื่อเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเกิดเป็นสนิมเหล็กขึ้น แต่ในคนเราเรียกสนิมแก่ อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่มีอิเล็กตรอนไม่ครบคู่ ทำให้ไม่เสถียร จึงต้องเดินทางไปแย่งอิเล็กตรอนจากโมเลกุลอื่นๆ เปรียบดั่งหัวขโมย คอยขโมยอิเล็กตรอนไปจากเยื่อหุ้มเซลล์ และสารพันธุกรรมของเซลล์ที่เรียกว่า “ดีเอ็นเอ (DNA)” ทำให้เซลล์ เกิดความเสื่อม เสียหาย อนุมูลอิสระมักออกอาละวาดทำลายเซลล์ในร่างกายต่อเนื่องกันแบบโดมิโน คือสามารถเข้าทำลายเซลล์ในทุกที่ที่มันเคลื่อนตัวไป ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ คือ การรับประทานอาหารแคลอรี่สูง ปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงพวกปิ้งย่าง บุหรี่ แอลกอฮอล์ ควันพิษ ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในอาหาร แสงแดด ความเครียด ขาดการออกกำลังกาย
3 ทานผักหลากสี สนับสนุนให้ทานเยอะๆครับ อย่างน้อย 5 ทัพพีต่อวัน เป็นแหล่งรวม ของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้คุณสวยเด้ง หล่อเป๊ะ สารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) ซึ่งทางการแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยเรียกง่ายๆ ว่าสารต้านสนิมแก่
4 ดื่มน้ำสะอาดให้พอ เคล็ดลับผิวใสต้องมีน้ำสะอาดไว้ใกล้มือ เพื่อหยิบมาดื่ม ได้ตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ น้ำช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้โดยไม่ขัดข้อง กระบวนการเผาผลาญพลังงาน การขับถ่ายของเสีย ช่วยให้คุณผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดื่มเท่าใดจึงจะพอ มีวิธีคำนวณแบบง่ายที่สุด คือนำน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำเป็นซีซี ที่ควรดื่มต่อวันครับ
5 นอนให้เร็ว การหลั่งของโกรทฮอร์โมน(Growth hormone) หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “น้ำพุแห่งความเยาว์วัย” ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ จะหลั่งจากต่อมใต้สมองสูงสุดช่วง 4-5 ทุ่ม เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคนที่ชอบนอนดึก ก็เสี่ยงที่จะพร่องหรือขาดโกรทฮอร์โมนได้ ยิ่งถ้าใครอายุขึ้นเลขสาม การหลั่งของโกรทฮอร์โมนจะเริ่มน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เมื่อโกรทฮอร์โมนลดลงทำให้ความสามารถในการดูแลซ่อมแซมผิวลดลง ริ้วรอยต่างๆเริ่มมาเยือน แก้มห้อย คางห้อย ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย มีถุงใต้ตา
6 บทบาทวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระกับผิวพรรณเมื่ออายุมากขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่ร่างกายสร้างเองนั้นลดน้อยลง และถึงแม้จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหาร แต่คนส่วนใหญ่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณที่มากเกินกว่าที่ได้รับจากอาหารเพียงอย่างเดียว เช่น คนที่สูบบุหรี่ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษ ทานอาหารปิ้งย่าง มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง มีภาวะเครียดสะสม ปัจจุบันพบว่าแม้หนุ่มสาวอายุน้อยก็เริ่มจะมีปัญหาเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีปัจจัยทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น โดยปกติร่างกายเรามีกลไกในการกำจัดอนุมลอิสระ ซึ่งอาศัยการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส, ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส, คาทาเลส ดังนั้น การที่จะรับประทานวิตามินเพื่อลดการเกิดอนุมูลอิสระให้ได้ผล จะต้องใช้การรับประทานอาหารเสริมมากกว่าหนึ่งชนิด เปรียบเสมือนการฟังดนตรีวงออร์เคสตรา (orchestra) ซึ่งต้องใช้เครื่องดนตรีหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน อาหารเสริมที่มีผลการศึกษาเกี่ยวกับผิวพรรณที่น่าสนใจในปัจจุบัน
แอสต้าแซนติน (Astaxanthin)
เป็นสารสีส้มแดงที่อยู่ในเนื้อของปลาแซลมอน ไข่ปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ สาหร่ายฮีมาโตคอคคัส พลูเวียลิส (Haematococcus Pluvialis) เป็นอาหารเสริมตัวใหม่ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับวิตะมินเอ แต่สามารถจับกับอนุมูลอิสระได้ดีกว่า ไม่สะสมเป็นพิษเหมือนวิตามินเอ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนแอสต้าแซนตินเป็นวิตะมินเอได้ มีฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระที่ สูงกว่าวิตามิน ซี 6,000 เท่า สูงกว่าวิตะมินอี ถึง 550 เท่า สูงกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า มีการศึกษาพบว่า ในการรับประทานแอสตาแซติน ในขนาด 4 มก. ต่อวัน จะช่วยป้องกัน การเกิดฝ้าได้ ช่วยให้ผิวคงความอ่อนวัย ลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยและจุดด่างดำ แต่การที่เราจะได้รับแอสตาแซนธิน เพียง 1 มิลลิกรัม ต้องรับประทานปลาแซลมอน ถึง 200 กรัม ปัจจุบันจึงนำมาสกัดในรูปแคปซูลเป็นสารเสริมอาหาร
เอ็น อะเซติล ซีสเตอีน (N-acetyl cysteine, NAC)
เรียกสั้นๆว่า NAC ถูกนำมาใช้เป็นยาละลายเสมหะ แต่พบว่ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นให้ตับสร้างกลูต้าไธโอนได้ ซึ่งกลูต้าไธโอนเป็นสารสำคัญในการเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้กลายเป็นน้ำ และออกซิเจน นอกจากนั้น ยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนซัยม์ ทัยโรซิเนส ซึ่งใช้ในการสร้างสีผิว ทำให้ผิวขาวขึ้น มีคนนำกลูต้าไธโอน ชนิดรับประทานมาจำหน่ายในราคาแพง ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์ เพราะ กลูต้าโธโอนจะไม่ถูกดูดซึม จึงไม่สามารถเพิ่มระดับของ กลูต้าไธโอน ในเลือดได้ การเพิ่มระดับของ กลูต้าไธโอน จะทำได้ด้วยการรับประทาน NAC ครับ
ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (Superoxide Dismutase)
เป็นเอนไซม์ที่ต้านอนุมูลอิสระ ทำลายอนุมูลอิสระที่ชื่อ “ซูเปอร์ออกไซด์ (superoxide radical)” ทำงานร่วมกับแร่ธาตุสังกะสี ทองแดง และแมงกานีส ดีต่อผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและลดอัตราการถูกทำลายของเซลล์ลง แหล่งที่พบคือ ข้าวบาร์เลย์ บรอคโคลี่, กะหล่ำดอก, โกจิเบอร์รี่ (Goji berries), และต้นอ่อนข้าวสาลี (wheat grass) หลายๆคนคงเคยเห็นต้นอ่อนข้าวสาลีที่นำมาคั้นสดๆ คอยเสิร์ฟให้ดื่มกัน นั่นแหละครับอุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ SOD
สังกะสี (Zinc)
เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า SOD หรือ superoxide dismutase เป็นปราการแรกในการต้านอนุมูลอิสระจะช่วยชะลอการแก่ตายของเซลล์ตามธรรมชาติให้ช้าลง เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง ผมและเล็บ ทำให้ผมและเล็บแข็งแรง ช่วยรักษาแผล ให้หายเร็ว ภาวะขาดสังกะสีทำให้ ผมร่วง แผลหายช้า อาหารที่มีสังกะสีมาก ได้แก่ หอยต่างๆ ตับ ข้าวกล้อง รำข้าวสาลี
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ดูแลสิวจากภายนอก
ภายนอกก็สำคัญเช่นเดียวกันกับภายในค่ะ ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อใบหน้า การล้างหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญ เป็นขั้นตอนการทำความสะอาดผิว วิธีล้างหน้าที่สะอาดที่สุดซึ่งแอร์ได้ค้นข้อมูลเจอและทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ผลที่ได้คือผิวหน้าสะอาดขึ้น สังเกตได้ว่าสิวอักเสบที่บวมแดง ยุบลงเร็วขึ้น นั่นคือ
"การล้างหน้าตามแนวโพรงขน"
การทำความสะอาดผิวหน้า
วิธีล้างหน้าตามแนวโพรงขน
การล้างหน้าตามแนวโพรงขน ช่วยลดการเกิดสิวบนใบหน้าได้มากจริง ๆ
” เป็นแกนให้ใยคอลลาเจนและอิสลาสตินมายึดโยงเพื่อเชื่อมเป็นเครือข่ายยึดให้ผิวหนังคงสภาพยืดหยุ่นและแข็งแรงดังที่เป็นอยู่ ” โพรงขนบนใบหน้ามีประมาณ 100,000 โพรง ข้อดี การระบายของน้ำมันและสิ่งสกปรกในโพรงสิวอย่างหมดจด การหลุดลอก จะไม่เกิดจากการหนาตัวของเซลล์ผิวตามมา การไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนังนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ ฝ้าจะเกิดได้ยากขึ้น เซลล์ผิวหนังที่อักเสบ ไม่เกิดการบวมของชั้นผิวบางชั้น การที่เกิดเป็นก้อนอุดตัน สิวอุดตันเช่นนี้ก็เกิดจากการที่เราล้างหน้าวนหรือเอามือไปถูทำให้เนื้อเยื่อจับเป็นก้อนเหมือนกับเราปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วห่อเป็นชั้นๆ การล้างไปตามแนวโพรงขนเพื่อให้เยื่อเหล่านี้จะได้สลายและหลุดออกมาได้ตามธรรมชาติ
ภาพทิศทางการล้างหน้าตามแนวโพรงขน บริเวณหน้าผาก : ซ้าย - ขวา บริเวณแก้ม จมูก คาง : บน ลง ล่าง |
หากใครที่เมคอัพ หรือ ผิวหน้าเผชิญมลภาวะมาทั้งวัน ต้องการขจัดสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนใบหน้า ไรฝุ่น หรือใครที่คิดว่าการล้างหน้าอย่างเดียวไม่สะอาดพอ แอร์แนะนำให้ใช้ cleansing milk ในการล้างหน้า หลายคนอาจคิดว่า ตัวเองแพ้ cleansing milk แต่นั่นเป็นเพราะการใช้ที่ไม่ถูกต้อง cleasing milk หลายยี่ห้อที่แนะนำขั้นตอนการใช้ให้เรา แต่เราใช้แล้วกลับได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ก็เนื่องมาจากผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เขาแนะนำเรามานั้น เหมาะกับคนผิวดี ถึงแม้จะผิวดีก็เถอะค่ะ ทำตามแล้วอาจเกิดสิวอุดตันขึ้นได้ แอร์ใช้ cleansing milk ของ aviance (อันนี้คุณแม่ซื้อให้ค่ะ ราคาไม่เบาเลยค่ะ) cleansing milk แอร์ว่าใช้ยี่ห้อไหนก็คล้ายๆกัน เพียงแต่เราต้องเลือกประเภท และชนิดที่อ่อนโยนที่สุด แนะนำของ Loreal ก็ได้ค่ะ หาซื้อง่ายราคาไม่แพง ขวดละ 250 บาท +/ -
วิธี cleansing
ลง cleansing milk 5 จุดบนใบหน้า "หน้าผาก จมูก แก้มสองข้าง และคาง" เริ่มต้นนวดใบหน้าเบาๆ ตามแนวโพรงขนข้างต้น ให้เริ่มรู้สึกว่าแป้งหรือเครื่องสำอางค์ที่เราทาเริ่มหลุดออก นวดประมาณ 2 - 3 นาที จากนั้น ใช้สำลีแผ่นรีดขอบชุบน้ำให้หมาด เช็ดบริเวณที่เรา cleansing ตามแนวโพรงขนเช่นเดิมค่ะ เช็ดเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าสะอาด คือ ไม่มีสีเครื่องสำอางค์ติดมาบนสำลีแล้ว
จากนั้น ก็ล้างหน้าตามปกติตามแนวโพรงขน เปิดผิวด้วยน้ำอุ่น แล้วตามด้วยน้ำในอุณหภูมิปกติล้างหน้า สุดท้ายปิดผิวด้วยน้ำเย็นกว่าอุณหภูมิปกติเล็กน้อย (เรื่องอุณหภูมิน้ำล้างหน้าไม่ต้องตามเป๊ะๆ ค่ะ แค่ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าก็พอค่ะ)
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ใช้ได้ทั้งเจลล้างหน้า และโฟมล้างหน้า แต่ต้องอ่อนโยนไม่ระคายเคืองผิวหน้า ในรายที่มีสิวอักเสบ สิวหัวหนองขึ้นอยู่ ห้ามใช้โฟมล้างหน้า หรือ เจลที่ เป็นสครับ เพราะอาจระคายเคืองทำให้ผิวอักเสบมากกว่าเดิม แอร์ใช้โฟมล้างหน้าผงถ่าน charcoal detox mask (ได้จากเภสัชกรฯ ที่รู้จักกันเขาแนะนำให้ใช้) แต่มันจะมีผงถ่านที่เราอาจรู้สึกว่าเป็นเกล็ด แต่ถ้าถูจนเกิดฟองสีเทาอ่อนๆ เกล็ดก็จะหายไป สีคล้ายๆ ยาสีฟันดอกบัวคู่ ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าไม่แห้งตึง ปรับสมดุลผิวหน้าและขจัดสิ่งสกปรก ที่อุดตันตามรูขุมขนได้ดี ไม่แนะนำให้ใช้สบู่ล้างหน้า เพราะสบู่เหมาะสำหรับผิวกายเท่านั้นค่ะ สบู่มีความแรงถ้าเอามือถูๆ ที่หน้าหลังจากหน้าเสร็จจะรู้สึกว่ามีคราบขาวๆ หลุดลอกจากหน้า นั่นเป็นเพราะหน้าเริ่มลอก และคราบสบู่ยังติดอยู่
การบำรุง
ผิวที่เป็นสิวมักหยาบแห้ง และกระด้างในบริเวณข้างแก้ม ส่วนบริเวณทีโซนจะมัน นั่นเป็นเพราะอาการผิวขาดน้ำ อันเกิดจากการดื่มน้ำไ่ม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และการเติมความชุ่มชื้นผิวจากภายนอก ควรใช้ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ ที่ไม่ทำให้หน้ามัน หรือเกิดสิวอุดตัน ไม่เหนียวเหนอะนะ
รอยสิวและแผลเป็นจากสิว
การรักษารอยสิวด้วยตนเอง จากการศึกษามี 2 วิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (ไม่รวมการใช้เลเซอร์นะคะ)
1.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เพราะถ้าเป็นชนิดผลัดเซลล์ผิวเร็ว จะทำให้ผิวบอบบาง หน้าคล้ำเสียง่าย ทั้งยังก่อให้เกิดสิวตามมาอีกด้วยค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA , AHA เป็นหลัก
2.ผลิตภัณฑ์ประเภทไวเทนนิ่ง (ต้องไม่มีส่วนผสมของสารที่อันตรายที่ทำให้หน้าขาวเร่งด่วน) แ่ต่เป็นไวเทนนิ่งที่บำรุงปรับสภาพผิว ลดการทำงานของเมลานินสีผิว ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตราย
รอยสิว ... หายช้าค่ะ แต่หายได้ !!!! ต้องดูแลกันจากข้างในด้วยค่ะ แอร์ รับประทานสาหร่ายเกลียวทองเพิ่มด้วย เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับผิว ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลต่อผิวพรรณเปล่งปลั่ง ฟื้นฟูเซลล์ภายในร่างกาย ถ้าเซลล์ทำงานเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รอยสิวจะค่อยๆจางลงไปเองตามธรรมชาติค่ะ
หลุมสิว
ปัญหาหนักของแอร์เลยล่ะค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ ก็จะเป็นพวกเติมเต็มร่องของผิว เช่น stem cell ที่สกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน แต่ต้องระวังเลือกชนิดที่ไม่ทำให้หน้ามัน เหนียวเหนอะหนะ .... จะช่วยเติมร่องให้กับผิวได้ค่ะ และ ที่สำคัญข้างใน ผิวต้องการอาหารสำหรับสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ต้องรับประทานอาหาร ประเภท ปลา และ เต้าหู้ให้ มากๆ ค่ะ เป็นอาหารที่มีโปรตีนและไม่ทำให้เกิดสิว อาจรับประทานคอลลาเจนจากปลา เป็นตัวเสริมได้ค่ะ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ใช้ได้ทั้งเจลล้างหน้า และโฟมล้างหน้า แต่ต้องอ่อนโยนไม่ระคายเคืองผิวหน้า ในรายที่มีสิวอักเสบ สิวหัวหนองขึ้นอยู่ ห้ามใช้โฟมล้างหน้า หรือ เจลที่ เป็นสครับ เพราะอาจระคายเคืองทำให้ผิวอักเสบมากกว่าเดิม แอร์ใช้โฟมล้างหน้าผงถ่าน charcoal detox mask (ได้จากเภสัชกรฯ ที่รู้จักกันเขาแนะนำให้ใช้) แต่มันจะมีผงถ่านที่เราอาจรู้สึกว่าเป็นเกล็ด แต่ถ้าถูจนเกิดฟองสีเทาอ่อนๆ เกล็ดก็จะหายไป สีคล้ายๆ ยาสีฟันดอกบัวคู่ ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าไม่แห้งตึง ปรับสมดุลผิวหน้าและขจัดสิ่งสกปรก ที่อุดตันตามรูขุมขนได้ดี ไม่แนะนำให้ใช้สบู่ล้างหน้า เพราะสบู่เหมาะสำหรับผิวกายเท่านั้นค่ะ สบู่มีความแรงถ้าเอามือถูๆ ที่หน้าหลังจากหน้าเสร็จจะรู้สึกว่ามีคราบขาวๆ หลุดลอกจากหน้า นั่นเป็นเพราะหน้าเริ่มลอก และคราบสบู่ยังติดอยู่
การบำรุง
ผิวที่เป็นสิวมักหยาบแห้ง และกระด้างในบริเวณข้างแก้ม ส่วนบริเวณทีโซนจะมัน นั่นเป็นเพราะอาการผิวขาดน้ำ อันเกิดจากการดื่มน้ำไ่ม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และการเติมความชุ่มชื้นผิวจากภายนอก ควรใช้ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ ที่ไม่ทำให้หน้ามัน หรือเกิดสิวอุดตัน ไม่เหนียวเหนอะนะ
รอยสิวและแผลเป็นจากสิว
การรักษารอยสิวด้วยตนเอง จากการศึกษามี 2 วิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (ไม่รวมการใช้เลเซอร์นะคะ)
1.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เพราะถ้าเป็นชนิดผลัดเซลล์ผิวเร็ว จะทำให้ผิวบอบบาง หน้าคล้ำเสียง่าย ทั้งยังก่อให้เกิดสิวตามมาอีกด้วยค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA , AHA เป็นหลัก
2.ผลิตภัณฑ์ประเภทไวเทนนิ่ง (ต้องไม่มีส่วนผสมของสารที่อันตรายที่ทำให้หน้าขาวเร่งด่วน) แ่ต่เป็นไวเทนนิ่งที่บำรุงปรับสภาพผิว ลดการทำงานของเมลานินสีผิว ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตราย
รอยสิว ... หายช้าค่ะ แต่หายได้ !!!! ต้องดูแลกันจากข้างในด้วยค่ะ แอร์ รับประทานสาหร่ายเกลียวทองเพิ่มด้วย เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับผิว ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลต่อผิวพรรณเปล่งปลั่ง ฟื้นฟูเซลล์ภายในร่างกาย ถ้าเซลล์ทำงานเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รอยสิวจะค่อยๆจางลงไปเองตามธรรมชาติค่ะ
หลุมสิว
ปัญหาหนักของแอร์เลยล่ะค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ ก็จะเป็นพวกเติมเต็มร่องของผิว เช่น stem cell ที่สกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน แต่ต้องระวังเลือกชนิดที่ไม่ทำให้หน้ามัน เหนียวเหนอะหนะ .... จะช่วยเติมร่องให้กับผิวได้ค่ะ และ ที่สำคัญข้างใน ผิวต้องการอาหารสำหรับสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ต้องรับประทานอาหาร ประเภท ปลา และ เต้าหู้ให้ มากๆ ค่ะ เป็นอาหารที่มีโปรตีนและไม่ทำให้เกิดสิว อาจรับประทานคอลลาเจนจากปลา เป็นตัวเสริมได้ค่ะ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
รักษาสิวจากภายใน
หลายคนคิดว่าเป็นสิวที่ไหน ก็แก้ปัญหาตรงนั้น เป็นสิวที่หน้า ก็ต้องล้างหน้าให้สะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว ที่เขาว่าดี ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดหน้ามัน ลดรูขุมขน ลดอักเสบ นานาประการ แต่เคยมั๊ยคะ ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ว่าดีขั้นเทพแค่ไหน ก็ไม่หายสักที แถมยังเป็นมากกว่าเดิม
สิวต้องใช้เวลา ต้องใจเย็นค่ะ ....ดังนั้นแอร์จึงสรุปว่า รักษาสิวจากบริเวณที่เป็นสิว เป็นสิวที่ไหนก็แก้ตรงนั้น ไม่ใช่แนวทางการรักษาที่ต้นเหตุค่ะ จากสาเหตุของการเป็นสิวที่แอร์ได้เล่าให้ฟัง... เกิดจากภายใน ดังนั้นก็ต้องแก้กันข้างในด้วยค่ะ การรักษาสิวจากภายใน จากประสบการณ์ของแอร์ ซึ่งได้ศึกษาแนวทางการรักษาสิว จากคุณ seppo puusa สรุปดังนี้ค่ะ
1. การดีท็อกซ์ล้างพิษ
2. การรับประทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
3.การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
4. การดีท็อกซ์จิตใจ
......... ดีท็อกซ์ล้างพิษ โดยการขับพิษออกจากลำไส้ใหญ่ และ ตับ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟเป็นวิธีที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตับของเรา ตับทำหน้าที่มากมายเกินกว่าที่เราคิดไว้มาก เป็นอวัยวะพิเศษของร่างกายที่สามารถซ่อมสร้างฟื้นตัวเองได้ ตับเป็นศูนย์ับัญชาการต่อสู้กับไวรัส แบคทีเรีย มะเร็ง ฯลฯ รายละเีอียดเกี่ยวกับดีท็อกซ์ อ่านได้ที่ www.7stepsdetox.com
วิธีที่แอร์ใช้แล้วได้ผลมากมาย คือ การสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟค่ะ ^______^
ร่างกายของแอร์ กินยารักษาสิวมานาน อวัยวะภายในเสื่อม ฉะนั้นต้องทำการ รีบูทใหม่ค่ะ ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด อิอิ ขอยืมภาษาช่างมาใช้ค่ะ ........
แนวทางการล้างพิษแบบยกเครื่่อง
วันที่ 1 .... 05.00 - 07.00 ขับถ่ายให้ได้ พยายามขับถ่ายออกให้หมด
(สำหรับคนที่ขับถ่ายยาก ผู้มีปัญหาสิวส่วนมากมักมีปัญหาการขับถ่าย ตื่นเช้าให้ดื่มน้ำมะนาวอุ่น 2 แก้ว + ขมิ้นชัน 2 แคปซูล เืพื่อเป็นการชะล้างของเสียที่เกาะในลำไส้และกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน)
07.00 - 08.00 สวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ
08.00 - 09.00 ทานน้ำปั่นผักผลไม้ สูตรล้างพิษ
สูตรน้ำปั่นผักผลไม้ ........
1.แอปเปิ้ล 1 ลูก
2.ผักกาดหอม(ผักสลัด) 1 กำ (ประมาณ 10 ใบค่ะ)
3.คื่นช่าย 2 ต้น
4.มะเขือเทศ 1 ลูก
5.ขิง 1/2 แง่ง
6.มะนาว 1- 2 ลูก
7. น้ำอุ่น 1 แก้ว (ตามความเหมาะสมของปริมาณส่วนผสม)นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นให้เข้ากัน ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ดื่มระหว่างวัน ให้ได้ปริมาณ 6 แก้ว / วัน ถ้าหิวให้จิบตลอด
ในระหว่างวันต้องดื่มน้ำเปล่าด้วยนะคะ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำหล่อเลี้ยง ......
อาจทรมานในช่วงแรกค่ะ เพราะร่างกายต้องการอาหาร แต่ทำเถอะค่ะ ได้ผลดีแน่นอน ร่างกายเขาแค่ต้องการอาหาร เหมือนที่เขาเคยได้รับตลอดมา แต่การดื่มแต่น้ำผักผลไม้ปั่น เป็นการให้ร่างกายเขาได้หยุดพักผ่อนไม่ต้องทำงานหนักสักวันค่ะ ......... ู^^
มื้อเช้า - เที่ยง - เย็น : ให้ดื่มแต่น้ำผักผลไม้ที่ปั่นไว้ค่ะ ให้ได้ปริมาณ 6 แก้ว ทั้งวัน
ให้เข้านอนไม่เกิน 5 ทุ่ม ........ เป็นไปได้ ไม่ควรเกิน 4 ทุ่ม รีบนอนแต่หัววันค่ะ เพื่อร่างกายที่สดชื่นกระปรี้ประเปร่า .......
ตื่นเช้าออกกำลังกายเบาๆ แอร์เลือก ทำโยคะ ค่ะ เพราะได้กำลังดี และฝึกสมาธิ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมนะคะ ปล.โยคะช่วยให้หน้าใสได้นะคะ ลองหยิบหนังสือโยคะ ดีๆ สักเล่มที่ร้านหนังสือมาอ่าน และฝึกปฏิบัติดูค่ะ รับรองเห็นผล ......
วันที่ 2 ทำเหมือนกันกับวันแรก
วันที่ 3 ไม่ต้องสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ แต่ให้ดื่มน้ำมะนาวอุ่น 2 แก้ว และขมิ้นชัน 2 แคปซูล
เริ่มมื้อเช้าด้วยน้ำปั่นผักผลไม้ เหมือนเดิม จำนวน 2 - 3 แก้ว มื้อเที่ยงให้เริ่มทาน น้ำเต้าหู้ หรือ นมถั่วเหลือง สูตรหวานน้อย (แอร์เลือกดีน่างาดำ) น้ำตาลน้อยดีค่ะ และมื้อเที่ยงยังคงทานน้ำปั่นผักผลไม้ 2 แก้ว มื้อเย็น ก็เป็นน้ำปั่นผักผลไม้ เช่นเดิม จำนวน 2 แก้ว (ถ้าหิวให้ดื่มนมถั่วเหลืองได้ค่ะ)
ผิวจะเริ่มรู้สึกเต็ม ดูผ่องๆ มีน้ำมีนวล
วันที่ 4 เหมือนวันที่ 3 มื้อเช้ายังคงเหมือนเดิม แต่ให้ดื่มนมถั่วเหลืองเป็นมื้อเช้าด้วยค่ะ
มื้อเที่ยง เริ่มด้วยสลัดผัดผลไม้ ชามโต (เอาแค่อิ่มพอค่ะ ไม่ควรใหญ่มาก) ควรเป็นน้ำสลัดใส หรือ น้ำสลัดฟักทอง สลัดควรมีผักมากกว่าผลไม้ ...... แนะนำให้เป็นผักใบเขียวในปริมาณมาก
มื้อเย็น ทานน้ำปั่นผักผลไม้ 2 แก้ว + นมถั่วเหลือง
วันที่ 5 เหมือนวันที่ 4 ให้เริ่มมื้อเช้าด้วยสลัดผัก น้ำปั่นผักผลไม้ ลดจำนวน เป็น 1 แก้ว
มื้อเที่ยงให้เริ่มทานข้าวกล้องเปล่าๆ เคี้ยวให้ละเอียด จนข้าวนิ่ม เพื่อให้ได้น้ำข้าว ซึ่งคนโบราณเชื่อว่า น้ำข้าวเป็นยาวิเศษที่รักษาได้ทุกโรค ค่อยๆ ทานนะคะ ร่างกายเพิ่งได้รับอาหาร สองมื้อ ในวันนี้
ตอนบ่าย ลองหาผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น รับประทานค่ะ เช่น แก้วมังกร แอปเปิ้ล สาลี่ แตงโม ผลไม้ต้องทานเดี่ยวๆ ค่ะ คือ หลังจากที่เราคิดว่า ข้าวกล้องที่ทานไปย่อยดีแล้ว ไม่ควรทานพร้อมข้าวเพราะร่างกายจะทำการย่อยอย่างหนัก เป็นภาระค่ะ
มื้อเย็น ลองหาธัญพืชมาทาน ค่ะ เช่น งาดำ ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ทานคู่กับนมถั่วเหลือง แต่ห้ามทานเยอะนะคะ เอาพอให้รู้สึกว่า ร่างกายพอมีแรง และอย่าลืมดื่มน้ำปั่นผักผลไม้ จำนวน 2 แก้ว ด้วยค่ะ
วันที่ 6 เหมือนวันที่ 5 แต่ให้เพิ่มการดีท็อกซ์ ด้วยผงไฟเบอร์ เพราะร่างกายของเราเริ่มปรับมาทานอาหารปกติ ลดปริมาณน้ำผักผลไมัปั่นลง แล้วทานผงไฟเบอร์ ที่แอร์เลือก คือ ยี่ห้อ ไลฟ์เทคไฟเบอรรี่ ดีท็อกซ์ เคยทานมาหลายยี่ห้อ แต่คิดว่ายี่ห้อนี้ทานง่ายสุดและให้ผลที่ดีที่สุด ที่สำคัญราคาถูกกว่า ไฟโต ไฟเบอร์ ที่เคยทาน และไม่ค่อยหนืดง่าย ผสมกับน้ำเปล่าก็อร่อยแล้วค่ะ
ผงไฟเบอร์ให้ทานก่อนนอน หรือ จะทานก่อนอาหารเย็นยิ่งดีค่ะ ผสมกับน้ำเปล่าในแก้วเช็ค ซึ่งจะแถมมาให้ ดื่มรวดเดียวให้หมด เพราะถ้าทิ้งไว้นาน จะหนืดจับตัวเป็นก้อน เพราะมีส่วนผสมของธัญพืชที่จะเป็นเหมือนฟองน้ำนุ่มๆ คอยขัดลำไส้ใหญ่ให้สะอาดค่ะ เมื่อเราดื่มเข้าไป
สิวต้องใช้เวลา ต้องใจเย็นค่ะ ....ดังนั้นแอร์จึงสรุปว่า รักษาสิวจากบริเวณที่เป็นสิว เป็นสิวที่ไหนก็แก้ตรงนั้น ไม่ใช่แนวทางการรักษาที่ต้นเหตุค่ะ จากสาเหตุของการเป็นสิวที่แอร์ได้เล่าให้ฟัง... เกิดจากภายใน ดังนั้นก็ต้องแก้กันข้างในด้วยค่ะ การรักษาสิวจากภายใน จากประสบการณ์ของแอร์ ซึ่งได้ศึกษาแนวทางการรักษาสิว จากคุณ seppo puusa สรุปดังนี้ค่ะ
1. การดีท็อกซ์ล้างพิษ
2. การรับประทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
3.การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
4. การดีท็อกซ์จิตใจ
......... ดีท็อกซ์ล้างพิษ โดยการขับพิษออกจากลำไส้ใหญ่ และ ตับ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟเป็นวิธีที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตับของเรา ตับทำหน้าที่มากมายเกินกว่าที่เราคิดไว้มาก เป็นอวัยวะพิเศษของร่างกายที่สามารถซ่อมสร้างฟื้นตัวเองได้ ตับเป็นศูนย์ับัญชาการต่อสู้กับไวรัส แบคทีเรีย มะเร็ง ฯลฯ รายละเีอียดเกี่ยวกับดีท็อกซ์ อ่านได้ที่ www.7stepsdetox.com
วิธีที่แอร์ใช้แล้วได้ผลมากมาย คือ การสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟค่ะ ^______^
ร่างกายของแอร์ กินยารักษาสิวมานาน อวัยวะภายในเสื่อม ฉะนั้นต้องทำการ รีบูทใหม่ค่ะ ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด อิอิ ขอยืมภาษาช่างมาใช้ค่ะ ........
แนวทางการล้างพิษแบบยกเครื่่อง
วันที่ 1 .... 05.00 - 07.00 ขับถ่ายให้ได้ พยายามขับถ่ายออกให้หมด
(สำหรับคนที่ขับถ่ายยาก ผู้มีปัญหาสิวส่วนมากมักมีปัญหาการขับถ่าย ตื่นเช้าให้ดื่มน้ำมะนาวอุ่น 2 แก้ว + ขมิ้นชัน 2 แคปซูล เืพื่อเป็นการชะล้างของเสียที่เกาะในลำไส้และกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน)
07.00 - 08.00 สวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ
ดีท็อกซ์ คือ การล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างและกำจัดกากใยอาหารที่อาจตกค้างอยู่ตามรอยหยักของลำไส้ใหญ่และอาจเป็นของเสียที่มีพิษอันเป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ สิว และโรคเรื้ัอรังอื่นๆ การสวนล้างลำไส้ เป็นวิธีที่จะช่วยให้เรากำจัดของเสียที่ตกข้างอยู่ในลำไส้ ซึ่งการขับถ่ายปกติ ไม่สามารถนำของเสียเหล่านั้นออกให้หมดได้ เพราะอาจติดอยู่บริเวณผนังลำไส้ รอยหยัก ของลำไส้ |
ชุดเริ่มต้นการทำดีท๊อกซ์ ด้วยตัวคุณเองประกอบไปด้วย
1. ถุงดีท๊อกซ์ ใช้ได้หลายครั้งขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา
2.กาแฟดีท๊อกซ์ ชนิดชงละลายน้ำ ไม่ต้องต้ม ไม่ต้องกรอง ขนาด 100 ใช้ได้ประมาณ 10-15 ครั้ง
กาแฟที่ปลอดภัยเชื่อถือได้ ขึ้นทะเบียนอาหารและยา ( อย.10-1-27648-1-0001)
คุณสมบัติ : กาแฟสำหรับทำดีท็อกซ์แท้บริสุทธิ์ 100% ชนิดชงละลายทันที ไม่มีกาก
3. เจลทาปลายสายดีท๊อกซ์ เป็นเจลชนิด waterbase ไม่มัน ล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่า
ใช้ได้ประมาณ 20 ครั้ง และสะดวกในการทำดีท๊อกซ์ดียิ่งขึ้นเจลสำหรับทาปลายสายยางก่อน
ทำดีท๊อกซ์ ช่วยให้สายยางหล่อลื่น
4. หนังสือ "คู่มือสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟ"
เป็นอุปกรณ์สำหรับทำดีท็อกซ์ด้วยกาแฟค่ะ การใช้ก็ไม่ยุ่งยาก มีคู่มือบอกวิธีใช้ แต่ที่จะยากลำบากสำหรับเราๆ ก็คือ "กลัวเจ็บ" ... เพราะคิดว่า การสอดสายยางจากถุงดีท็อกซ์เข้าทางรูทวาร ต้องเจ็บ แต่แอร์ขอบอกว่า ไม่เจ็บเลยค่ะ ไม่ต้องกลัว เพราะก่อนที่เราจะสอดสายยาง เราต้องทาเจลที่สายยางก่อน ห้ามใช้วาสลีนเด็ดขาด ต้องเป็นเจลทางการแพทย์เท่านั้นค่ะ สายยางจะลื่น แล้วค่อยๆ สอดเข้าไปช้าๆ ค่ะ ห้ามแรง ขณะทำดีท็อกซ์ด้วยกาแฟ ต้องทำจิตใจให้สบาย ผ่อนคลายให้มากที่สุด
ให้นอนตะแคงขวาค่ะ (คู่มือจะมีบอกไว้) ใช้เวลาประมาณ 12 นาที ให้กาแฟเข้าไปกระตุ้นการทำงานของตับ และล้างสิ่งสกปรกออกจากลำไส้ใหญ่ แล้วให้ลุกไปถ่ายค่ะ ไม่ต้องเบ่งนะคะ เขาจะออกมาโดยอัตโนมัติ ก็จะพบว่า มีสิ่งสกปรกออกมาเต็มเลยค่ะ ลองทำดูนะคะ แรกๆอาจจะกลัว ทำบ่อยๆจะติดใจค่ะ จนอยากทำทุกวัน ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรถ้าจะทำทุกวัน หากมีเวลา
|
08.00 - 09.00 ทานน้ำปั่นผักผลไม้ สูตรล้างพิษ
สูตรน้ำปั่นผักผลไม้ ........
1.แอปเปิ้ล 1 ลูก
2.ผักกาดหอม(ผักสลัด) 1 กำ (ประมาณ 10 ใบค่ะ)
3.คื่นช่าย 2 ต้น
4.มะเขือเทศ 1 ลูก
5.ขิง 1/2 แง่ง
6.มะนาว 1- 2 ลูก
7. น้ำอุ่น 1 แก้ว (ตามความเหมาะสมของปริมาณส่วนผสม)นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นให้เข้ากัน ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ดื่มระหว่างวัน ให้ได้ปริมาณ 6 แก้ว / วัน ถ้าหิวให้จิบตลอด
ในระหว่างวันต้องดื่มน้ำเปล่าด้วยนะคะ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำหล่อเลี้ยง ......
อาจทรมานในช่วงแรกค่ะ เพราะร่างกายต้องการอาหาร แต่ทำเถอะค่ะ ได้ผลดีแน่นอน ร่างกายเขาแค่ต้องการอาหาร เหมือนที่เขาเคยได้รับตลอดมา แต่การดื่มแต่น้ำผักผลไม้ปั่น เป็นการให้ร่างกายเขาได้หยุดพักผ่อนไม่ต้องทำงานหนักสักวันค่ะ ......... ู^^
มื้อเช้า - เที่ยง - เย็น : ให้ดื่มแต่น้ำผักผลไม้ที่ปั่นไว้ค่ะ ให้ได้ปริมาณ 6 แก้ว ทั้งวัน
ให้เข้านอนไม่เกิน 5 ทุ่ม ........ เป็นไปได้ ไม่ควรเกิน 4 ทุ่ม รีบนอนแต่หัววันค่ะ เพื่อร่างกายที่สดชื่นกระปรี้ประเปร่า .......
ตื่นเช้าออกกำลังกายเบาๆ แอร์เลือก ทำโยคะ ค่ะ เพราะได้กำลังดี และฝึกสมาธิ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมนะคะ ปล.โยคะช่วยให้หน้าใสได้นะคะ ลองหยิบหนังสือโยคะ ดีๆ สักเล่มที่ร้านหนังสือมาอ่าน และฝึกปฏิบัติดูค่ะ รับรองเห็นผล ......
วันที่ 2 ทำเหมือนกันกับวันแรก
วันที่ 3 ไม่ต้องสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ แต่ให้ดื่มน้ำมะนาวอุ่น 2 แก้ว และขมิ้นชัน 2 แคปซูล
เริ่มมื้อเช้าด้วยน้ำปั่นผักผลไม้ เหมือนเดิม จำนวน 2 - 3 แก้ว มื้อเที่ยงให้เริ่มทาน น้ำเต้าหู้ หรือ นมถั่วเหลือง สูตรหวานน้อย (แอร์เลือกดีน่างาดำ) น้ำตาลน้อยดีค่ะ และมื้อเที่ยงยังคงทานน้ำปั่นผักผลไม้ 2 แก้ว มื้อเย็น ก็เป็นน้ำปั่นผักผลไม้ เช่นเดิม จำนวน 2 แก้ว (ถ้าหิวให้ดื่มนมถั่วเหลืองได้ค่ะ)
ผิวจะเริ่มรู้สึกเต็ม ดูผ่องๆ มีน้ำมีนวล
วันที่ 4 เหมือนวันที่ 3 มื้อเช้ายังคงเหมือนเดิม แต่ให้ดื่มนมถั่วเหลืองเป็นมื้อเช้าด้วยค่ะ
มื้อเที่ยง เริ่มด้วยสลัดผัดผลไม้ ชามโต (เอาแค่อิ่มพอค่ะ ไม่ควรใหญ่มาก) ควรเป็นน้ำสลัดใส หรือ น้ำสลัดฟักทอง สลัดควรมีผักมากกว่าผลไม้ ...... แนะนำให้เป็นผักใบเขียวในปริมาณมาก
มื้อเย็น ทานน้ำปั่นผักผลไม้ 2 แก้ว + นมถั่วเหลือง
วันที่ 5 เหมือนวันที่ 4 ให้เริ่มมื้อเช้าด้วยสลัดผัก น้ำปั่นผักผลไม้ ลดจำนวน เป็น 1 แก้ว
มื้อเที่ยงให้เริ่มทานข้าวกล้องเปล่าๆ เคี้ยวให้ละเอียด จนข้าวนิ่ม เพื่อให้ได้น้ำข้าว ซึ่งคนโบราณเชื่อว่า น้ำข้าวเป็นยาวิเศษที่รักษาได้ทุกโรค ค่อยๆ ทานนะคะ ร่างกายเพิ่งได้รับอาหาร สองมื้อ ในวันนี้
ตอนบ่าย ลองหาผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น รับประทานค่ะ เช่น แก้วมังกร แอปเปิ้ล สาลี่ แตงโม ผลไม้ต้องทานเดี่ยวๆ ค่ะ คือ หลังจากที่เราคิดว่า ข้าวกล้องที่ทานไปย่อยดีแล้ว ไม่ควรทานพร้อมข้าวเพราะร่างกายจะทำการย่อยอย่างหนัก เป็นภาระค่ะ
มื้อเย็น ลองหาธัญพืชมาทาน ค่ะ เช่น งาดำ ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ทานคู่กับนมถั่วเหลือง แต่ห้ามทานเยอะนะคะ เอาพอให้รู้สึกว่า ร่างกายพอมีแรง และอย่าลืมดื่มน้ำปั่นผักผลไม้ จำนวน 2 แก้ว ด้วยค่ะ
วันที่ 6 เหมือนวันที่ 5 แต่ให้เพิ่มการดีท็อกซ์ ด้วยผงไฟเบอร์ เพราะร่างกายของเราเริ่มปรับมาทานอาหารปกติ ลดปริมาณน้ำผักผลไมัปั่นลง แล้วทานผงไฟเบอร์ ที่แอร์เลือก คือ ยี่ห้อ ไลฟ์เทคไฟเบอรรี่ ดีท็อกซ์ เคยทานมาหลายยี่ห้อ แต่คิดว่ายี่ห้อนี้ทานง่ายสุดและให้ผลที่ดีที่สุด ที่สำคัญราคาถูกกว่า ไฟโต ไฟเบอร์ ที่เคยทาน และไม่ค่อยหนืดง่าย ผสมกับน้ำเปล่าก็อร่อยแล้วค่ะ
ไลฟ์เทคไฟเบอรรี่ ราคากล่องละประมาณ 700 กว่า (คร่าวๆ) |
ไลฟ์เทคตัวนี้ เหมือนเป็นนาฬิกาคอยเตือนเวลาขับถ่าย เขาจะทำงานในตอนเช้า เวลา ตีห้า ถึง เจ็ดโมงโดยประมาณ บางคน มีอาการอยากถ่ายเร็วกว่านั้น คือประมาณ ตีสาม ถึงตีห้า และจะปวดถ่ายอีกที ตอนใกล้เที่ยง ดร.ทอม อู๋ แพทย์ทางเลือก กล่าวว่า คนสุขภาพดีควรขับถ่ายให้ได้วันละ 3 ครั้ง เพราะรับประทานอาหาร 3 เวลา ซึ่งแอร์คิดว่า ผงไฟเบอร์ช่วยให้ขับถ่ายได้ตรงเวลา จำนวน 2 - 3 ครั้ง
วันที่ 7 ให้เริ่มทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ ขอย้ำว่าอาหารในกลุ่ม "โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรต" ไม่ควรทานพร้อมกัน เช่น ทานไขต้มกับข้าวกล้อง ไม่ควรค่ะ ควรจะทานเดี่ยวๆ และอย่าลืมทานน้ำผักผลไม้ปั่น มื้อละ 1 แก้วด้วยค่ะ
อาหารที่ควรทาน และ อาหารที่ควรงดโดยเด็ดขาด มีอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ
อาหารที่ควรงด!!!!!!
1. เบเกอรี่ ทุกชนิด
2. ข้าวขัดสี ข้าวขาว
3. ของหวาน
4. ของทอด
5. ของมัน
6. ช็อกโกแลต
7. นมวัวและผลิตภัณฑ์จากวัว เนื้อ เนย ชีส
8. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
9. ชา กาแฟ
10. น้ำอัดลม
11. ไอศครีมที่ทำจากนม
12. เป็นไปได้ควรงดทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลา
อาหารที่ควรทาน
1. ผักผลไม้สด ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น
2.ข้าวกล้อง
3.ธัญพืช
4.นมถั่วเหลือง
6. อาหารประเภท ต้ม ลวก นึ่ง
7.เต้าหู้
8.ปลา
พยายามรับประทานผักผลไม้ ให้สดมากที่สุด การรับประืทานแบบดิบๆ ทำให้ได้คุณค่าสารอาหารจากผักผลไม้นั้นได้อย่างเต็มที่ เช่น ทานแบบเป็นสลัดผัก เป็นการทานอาหารแบบไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งอาหาร คงไว้ซึ่งคุณค่าของอนินทรียสารในผักผลไม้นั้นๆ
การดื่มน้ำ ......... ควรดื่มให้ได้ วันละ 8 แก้ว ต่อวัน (ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมด เพราะร่างกายนำไปใช้ไ่ม่ทัน แต่ ต้องจิบ ทีละน้อย ทั้งวัน ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ) ตอนเช้าควรดื่ม 2 แก้ว เพื่อเป็นการกระตุ้นลำไส้ให้ทำงาน ตื่นเช้ามา ดื่มเลยค่ะ 2 แก้ว
7.เต้าหู้
8.ปลา
พยายามรับประทานผักผลไม้ ให้สดมากที่สุด การรับประืทานแบบดิบๆ ทำให้ได้คุณค่าสารอาหารจากผักผลไม้นั้นได้อย่างเต็มที่ เช่น ทานแบบเป็นสลัดผัก เป็นการทานอาหารแบบไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งอาหาร คงไว้ซึ่งคุณค่าของอนินทรียสารในผักผลไม้นั้นๆ
การดื่มน้ำ ......... ควรดื่มให้ได้ วันละ 8 แก้ว ต่อวัน (ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมด เพราะร่างกายนำไปใช้ไ่ม่ทัน แต่ ต้องจิบ ทีละน้อย ทั้งวัน ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ) ตอนเช้าควรดื่ม 2 แก้ว เพื่อเป็นการกระตุ้นลำไส้ให้ทำงาน ตื่นเช้ามา ดื่มเลยค่ะ 2 แก้ว
ดีท็อกซ์จิตใจ เป็นสิวแน่นอนว่า ย่อมก่อให้เกิดความเครียด แต่ความเครียดเป็นบ่อเกิดของสิว บ่อนทำลายสุขภาพ ให้เราลองนั่ง นิ่งๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ ลองจินตนาการว่า ผิวหน้าของเราใสไร้สิว ผิวสุขภาพดี ใบหน้าเนียน เปล่งปลั่ง ลองฝึกจิตนาการแบบนี้ดูสัก 3 - 5 นาที ดีท็อกซ์จิตใจได้ผลดีมากๆ ค่ะ ลองนึกดูนะคะ ว่าหน้าเราไม่มีสิวแล้ว วิธีนี้ช่วยให้เราคิดบวกมากขึ้น มองตัวเองในทางบวกมากขึ้น ............ พยามยาม อย่าเครียด หลีกเลี่ยงสถานที่ สถานการณ์ที่กระตุ้นให้เราเกิดความเครียด แล้วผิวหน้าใสๆ ไร้สิว ก็จะเป็นของคุณค่ะ
สัปดาห์หน้า แอร์จะมาเล่า ถึงการรักษาสิวจากภายนอกกันบ้าง ............ สัปดาห์นี้อยากให้ทุกคนที่มีปัญหาเหมือนกันลองฝึกปฏิบัติตามวิธีที่แอร์เคยทำมาแล้วได้ผลดี ลองดูค่ะ !!! ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ผิวสวยง่ายๆ ได้สุขภาพดีด้วยค่ะ ...........
สัปดาห์หน้า แอร์จะมาเล่า ถึงการรักษาสิวจากภายนอกกันบ้าง ............ สัปดาห์นี้อยากให้ทุกคนที่มีปัญหาเหมือนกันลองฝึกปฏิบัติตามวิธีที่แอร์เคยทำมาแล้วได้ผลดี ลองดูค่ะ !!! ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ผิวสวยง่ายๆ ได้สุขภาพดีด้วยค่ะ ...........
วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555
แนวทางดูแลสิว
เอาล่ะค่ะ คราวนี้เรามาพูดถึงภาคปฏิบัติกันดีกว่า เมื่่อรู้สาเหตุต้นตอของสิวแล้วว่า เกิดจากสาเหตุใด มาลองปฏิบัติดูว่า ต้องทำอย่างไร? ต้ิองกินอะไร ? รักษาความสะอาดของผิวหน้ามากน้อยแค่ไหน? ใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหน? และที่สำคัญต้องดีท็อกซ์จิตใจด้วยค่ะ
เดือนกว่าๆ ผล
จากการดูแลตัวเองแนวธรรมชาติบำบัด ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น หน้ามันน้อยลง
ไม่มีสิวอักเสบแล้วค่ะ ^____^ ปัญหารูขุมขนกว้างก็ลดน้อยลง
ประสบการณ์ดูแลปัญหาสิวของแอร์ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดใช้เวลาโดยประมาณ 3 - 4 เดือนค่ะ แต่บางคนอาจใช้เวลาเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของแต่ละคน บางคนเพียงแค่ 1 เดือนก็หน้าใสกิ๊กแล้วค่ะ แถมยังหุ่นฟิตสวยอีกต่างหาก .... จากเดิมที่แอร์เคยรักษาสิวมายาวนานกว่า 5 ปี กลับไม่ประสบผลสำเร็จเท่าวิธีนี้ค่ะ แถมผิวหน้าเรายิ่งเสื่อมโทรม ย่ำแยลงกว่าเดิม อยากให้ทุกคนได้ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูค่ะ ได้ผลอย่างยั่งยืนแน่นอน
เริ่มต้นดูแลสิวด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดกันเถอะค่ะ
ปัญหาสิวไม่ใช่เรื่องของผิวหนังเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องสุขภาพภายใน อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายที่เสื่อมโทรม ระบบย่อยอาหารทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
แอร์อยากจะแนะนำให้ทุกคน ลองวิธีที่แอร์เคยทำดู และคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เคยทำมา
วิธีปฏิบัติของแอร์
แอร์แบ่งการดูแลออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่พึงพอใจ คือ การดูแลจากภายใน และการดูแลผิวภายนอก ต้องทำให้อวัยวะภายในร่างกายสะอาดค่ะ ล้างสารพิษในอวัยวะภายในให้สะอาด
โดยการดีท็อกซ์ .......ต้องแก้ที่สาเหตุที่ทำให้เป็นสิว ที่แอร์ได้พูดไว้แล้วว่า เกิดจากสารพิษ (toxin) ในร่างกาย ส่วน สารพิษก็เกิดจากอาหารที่ไม่ถูกย่อย
สาเหตุหลักของการเป็นสิวคืออาหารไม่ถูกย่อย ทำให้กลายเป็นกากของเสีย เกิดเป็นตะกรัน ในลำไส้ใหญ่ วิธีที่จะนำตะกรันเหล่านี้ออกจากลำไส้ใหญ่ คือการสวนล้างลำไส้
หน้าต่อไปแอร์จะเล่าถึงวิธีดูแลตนเองตามแนวทางธรรมชาติบำบัดโดยละเอียดค่ะ ^______^
อยากให้เพื่อนๆ ที่มีปัญหาแบบเดียวกัน จะมีผิวพรรณที่สวย ใส และสุขภาพดีกันทุกคน
จากการดูแลตัวเองแนวธรรมชาติบำบัด ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น หน้ามันน้อยลง
ไม่มีสิวอักเสบแล้วค่ะ ^____^ ปัญหารูขุมขนกว้างก็ลดน้อยลง
2 - 3 เดือน กับการดูแลปัญหาสิวด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ตอนนี้เหลืออนุสรณ์สิวคือ รอยสิว และหลุมสิว ค่ะ แต่สิวอักเสบไม่ขึ้นแล้วค่ะ ^______^ (ไม่ได้แต่งหน้านะคะ ลงแค่แป้งฝุ่น) |
ผิวเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ค่ะ ตอนนี้ไม่มีสิวอักเสบหรือสิวอุดตันแล้ว มีเพียงรอยสิวนิดหน่อย
ใช้เวลาดูแลตัวเอง ประมาณ 3 - 4 เดือนค่ะ ตอนนี้ก็บอกลาสิวอักเสบแล้ว จะมีขึ้นก็ตอนมีรอบเดือนเพียง 1 - 2 เม็ดค่ะ แต่ยุบเร็วภายใน 2 - 3 วัน |
เริ่มต้นดูแลสิวด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดกันเถอะค่ะ
ปัญหาสิวไม่ใช่เรื่องของผิวหนังเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องสุขภาพภายใน อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายที่เสื่อมโทรม ระบบย่อยอาหารทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
แอร์อยากจะแนะนำให้ทุกคน ลองวิธีที่แอร์เคยทำดู และคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เคยทำมา
วิธีปฏิบัติของแอร์
แอร์แบ่งการดูแลออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่พึงพอใจ คือ การดูแลจากภายใน และการดูแลผิวภายนอก ต้องทำให้อวัยวะภายในร่างกายสะอาดค่ะ ล้างสารพิษในอวัยวะภายในให้สะอาด
โดยการดีท็อกซ์ .......ต้องแก้ที่สาเหตุที่ทำให้เป็นสิว ที่แอร์ได้พูดไว้แล้วว่า เกิดจากสารพิษ (toxin) ในร่างกาย ส่วน สารพิษก็เกิดจากอาหารที่ไม่ถูกย่อย
สาเหตุหลักของการเป็นสิวคืออาหารไม่ถูกย่อย ทำให้กลายเป็นกากของเสีย เกิดเป็นตะกรัน ในลำไส้ใหญ่ วิธีที่จะนำตะกรันเหล่านี้ออกจากลำไส้ใหญ่ คือการสวนล้างลำไส้
หน้าต่อไปแอร์จะเล่าถึงวิธีดูแลตนเองตามแนวทางธรรมชาติบำบัดโดยละเอียดค่ะ ^______^
อยากให้เพื่อนๆ ที่มีปัญหาแบบเดียวกัน จะมีผิวพรรณที่สวย ใส และสุขภาพดีกันทุกคน
วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555
อะไรคือสาเหตุของสิว
หลายคนมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเรื่องสาเหตุที่แท้จริงของสิว เช่น เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ความสกปรกบนใบหน้า ซึ่งจริงบางส่วนค่ะ แต่เคยสงสัยมั๊ยคะว่า เราทำความสะอาดหน้าเราดีมาก มีทั้งใช้ cleanser ล้างด้วยเจลล้างหน้า หรือ โฟม หรือ สบู่ เช็ดหน้าด้วยผ้าสะอาด เช็ดทำความสะอาดอีกรอบด้วยโทนเนอร์ แต่ทำไมสิวก็ยังขึ้น ในขณะที่เพื่อนของเรา แค่ล้างหน้าด้วยสบู่ธรรมดา แต่ทำไมหน้าไม่มีสิว แถมยังหน้าใสกิ๊กอีกต่างหาก .......><
งั้นลองมาดูสาเหตุของสิวต่อไปนี้กันค่ะ
สารพิษสะสมในลำไส้
เชื่อหรือไม่คะ ว่าร่างกายของเราสะสมแบคทีเรียในร่างกายเป็น 10 เท่าของจำนวนเซลล์ในร่างกาย เราแบ่งเจ้าแบคทีเรีย ออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก : Probiotic เป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์
กลุ่มที่สอง : Phatological เป็นแบคทีเรียตัวร้ายค่ะ
คนที่มีสุขภาพดีจะมีแบคทีเรียกลุ่มแรก 85 % และมีแบคทีเรียกลุ่มที่สอง 15 % อยู่ในร่างกาย
สารพิษที่ว่านั้น ก็เกิดจากแบคทีเรียกลุ่มที่สอง สะสมในร่างกายมากกว่ากลุ่มแรก
ระบบย่อยอาหารมีปัญหา
ระบบการย่อยของมนุษย์ค่อนข้างซับซ้อน การย่อยที่สมบูรณ์จะทำให้มีเอนไซม์จำนวนมาก ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เอนไซม์บางตัวร่างกายสร้างได้เอง แต่บางตัวมาจากอาหารที่เรากินเข้าไป
เอนไซม์จากภายนอกร่างกาย (หรือเอนไซม์จากอาหาร) จะถูกทำลายเมื่อผ่านกระบวนการปรุงอาหาร และความร้อน อาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้ ร่างกายก็จะไม่นำไปใช้ อาหารที่ไม่ถูกย่อยจะเคลื่อนตัวจากกระเพาะอาหารลงสู่ลำไส้ใหญ่ ดังนั้น ลำไส้ใหญ่ของเราก็จะเป็นเหมือนสถานีเก็บของเหลือใช้ ซึ่งในลำไส้ใหญ่จะมีผนังสำหรับป้องกันแบคทีเรียตัวร้ายที่จะเข้าสู่เส้นเลือด อาหารที่ไม่ถูกย่อยจะมีแบคทีเรียตัวร้ายอยู่ เจ้าแบคทีเรียตัวร้ายนี้แหล่ะที่ก่อให้เกิดสารพิษสะสม (ลองนึกภาพถังขยะที่เราทิ้งเศษอาหารไว้ในครัวเราดูนะคะ) ภาพของลำไส้ใหญ่เราของเรากับถังขยะในครัว เหมือนกันเลยค่ะ แต่ความแตกต่างคือ ในลำไส้ใหญ่ของเรามีลักษณะที่อุ่นและร้อนกว่าถังขยะในครัว ซึ่งเจ้าแบคทีเรียตัวร้ายชอบอาศัยอยู่
(รูป toxin colon ของเสียที่สะสมในลำไส้ใหญ่ กลิ่นแรงมากค่ะ)
ภาพนี้เจ้าของภาพกำจัดออกด้วยการดีท็อกซ์ค่ะ
เจ้าสิ่งนี้มันคือขยะในลำไส้ใหญ่
ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแค่วันเดียว แบคทีเรียตัวดีที่มีจำนวนเยอะกว่า ก็สามารถกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายออกไปได้ แต่ลองจินตนาการว่า ถ้าเกิดขึ้นทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ล่ะ แน่นอนว่า เกิดการสะสมและเพิ่มปริมาณแบคทีเรียตัวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อในลำไส้ใหญ่มีแต่แบคทีเรียตัวร้าย ซึ่งปล่อยสารพิษออกมา (toxin) สารพิษจะเข้าทำลายผนังลำไส้ใหญ่ที่กั้นไม่ให้สารพิษเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อผนังถูกทำลาย สารพิษจึงเริ่มเดินทางเข้าไปตามกระแสเลือดของเรา เลือดก็จะนำสารพิษเหล่านี้เข้าไปสู่ ตับ และ ไต ตามระบบการไหลเวียนโลหิต ตับและไต ของเราก็เป็นแหล่งกำจัดของเสีย (toxin)
แต่ถ้าของเสียเหล่านี้ ตับและไต ไม่สามารถกำจัดได้ ก็จะถูกเก็บสะสม ไว้ที่เซลล์ไขมัน กระดูก และกล้ามเนื้อ เสมือนกับการฝังสิ่งอันตรายไว้ในเซลล์ของร่างกาย
สิว กับ สารพิษ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เหตุผลที่สารพิษในร่างกายก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าหรือส่วนต่างๆของร่างกาย คือ สารพิษถูกผลักออกทางผิวหนังเพราะเซลล์ร่างกายต่อสู้กับสารพิษ จึงผลักให้ออกมาทางผิวหนัง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของแบคทีเรีย อีกหนึ่งเหตุผล คือ สารพิษเข้าไปรบกวนการผลิตฮอร์โมนของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทฤษฎีนี้ ก็มีที่มาจากแหล่งเดียวกัน คือ สารพิษรั่วไหลออกจากลำไส้ใหญ่นั่นเอง และสารพิษเหล่านี้ก็เข้าโจมตีจุดที่อ่อนที่สุดของร่างกาย ซึ่งร่างกายของคนเรานั้นถูกออกแบบมาแตกต่างกัน ในขณะที่คนหนึ่งแสดงออกถึงจุดอ่อนในร่างกายเมื่อมีสารพิษสะสมในปริมาณมาก คือ เป็นสิว ส่วนอีกคนแสดงออก คือ ความอ้วน , มีกลิ่นปากแรง, ปวดหัวไมเกรน ภูมิแพ้ โรคอ่อนเพลีย เป็นต้น อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ร่างกายมีสารพิษสะสมมากเกินไป จำเป็นต้องถูกกำจัดออก
สรุปสั้นๆ ดังนี้ค่ะ
อาหารที่ไม่ถูกย่อย --- > ทำให้แบคทีเรียตัวร้ายเจริญเติบโต --- > เกิดสารพิษในตับและไต ---> เ็ป็นสิว
แอร์เชื่อค่ะว่า สารพิษในร่างกายคือบ่อเกิดของสิว .... เพราะเมื่อแอร์ทำดีท็อกซ์ (กำจัดสารพิษออกจากลำไส้) ผลที่ได้รับคือ สิวยุบลงเร็วมาก ใช้เวลาเฉลี่ยไม่ถึงสัปดาห์ ในขณะที่การใช้ผลิตภัณฑ์หรือว่ายารักษาสิว ให้ผลรักษาโดยใช้เวลานับเดือน หรือ อาจไม่เห็นผลเลย
สาเหตุของอาหารไม่ย่อย
บางคนมีอาการของอาหารไม่ย่อย เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ แต่สำหรับบางคนอาจไม่มีสัญญาณบอกเหตุนั้นเลย ... มีหลายทฤษฎีที่บอกว่า อยากสุขภาพดีต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่อาหารในหมู่โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ทั้งคู่ ทำให้ระบบการย่อยอาหารแย่ลง เพราะการย่อยโปรตีน ต้องใช้กรดที่มีค่าเป็น กลาง ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตต้องใช้ด่างที่มีค่าเป็นกลาง แต่กระเพาะอาหารของเรามีค่าเป็นกรดกลางๆ ฉะนั้นคาร์โบไฮเดรตจึงไม่ถูกย่อยโดยกระเพาะอาหาร อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเมื่อกระเพาะย่อยไม่ได้ก็จะเคลื่อนตัวลงสู่ลำไส้เล็ก แต่ลำไส้เล็กมีสภาพเป็นด่างอ่อนๆ จึงย่อยอาหารในหมู่นี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้ากระเพาะอาหารมีกรดอยู่มาก ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียจำทำให้โปรตีนเน่าเปื่อยในกระเพาะอาหาร
ดังนั้นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ มีข้อสังเกตุคือ
1. โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ไม่สามารถย่อยได้พร้อมกัน ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานโปรตีนและคาโบไฮเดรตพร้อมกัน
2. ไขมันและคาโบไฮเดรตไม่สามารถย่อยได้พร้อมกัน
3. ควรรับประทานผลไม้ขณะท้องว่าง และไม่ควรรับประทานพร้อมอาหารอื่นๆ เพื่อให้ได้คุณค่าและวิตามินสูงสุด
4. การรับประทานอาหารง่ายๆ โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งทำให้ระบบย่อยทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
5. ควรรับประทานผักผลไม้ดิบ
สาเหตุอีกประการของอาหารไม่ย่อย
คือ เอนไซม์ไม่เพียงพอต่อการย่อย เอนไซม์คือสิ่งที่ร่างกายต้องการเพื่อทำให้เกิดปฎิกิริยาเคมีในการทำให้อาหารที่เรารับประทานเข้าไปมีขนาดเล็กลง เพื่อง่ายต่อระบบย่อยอาหาร ซึ่งเอนไซม์ในอาหารเหล่านี้มักถูกทำลายได้โดยง่ายจากการปรุงแต่งอาหาร ผ่านความร้อน และกระบวนการต่างๆ การปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนกว่า 118 ฟาเรนไฮต์ สามารถทำลายเอนไซม์ในอาหารได้อย่างสิ้นเชิง
อีกสาเหตุคือ การรับประทานอาหารมากเกินไป ทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหาและต้องทำงานอย่างหนัก การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้รวดเร็ว
งั้นลองมาดูสาเหตุของสิวต่อไปนี้กันค่ะ
สารพิษสะสมในลำไส้
เชื่อหรือไม่คะ ว่าร่างกายของเราสะสมแบคทีเรียในร่างกายเป็น 10 เท่าของจำนวนเซลล์ในร่างกาย เราแบ่งเจ้าแบคทีเรีย ออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก : Probiotic เป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์
กลุ่มที่สอง : Phatological เป็นแบคทีเรียตัวร้ายค่ะ
คนที่มีสุขภาพดีจะมีแบคทีเรียกลุ่มแรก 85 % และมีแบคทีเรียกลุ่มที่สอง 15 % อยู่ในร่างกาย
สารพิษที่ว่านั้น ก็เกิดจากแบคทีเรียกลุ่มที่สอง สะสมในร่างกายมากกว่ากลุ่มแรก
ระบบย่อยอาหารมีปัญหา
ระบบการย่อยของมนุษย์ค่อนข้างซับซ้อน การย่อยที่สมบูรณ์จะทำให้มีเอนไซม์จำนวนมาก ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เอนไซม์บางตัวร่างกายสร้างได้เอง แต่บางตัวมาจากอาหารที่เรากินเข้าไป
เอนไซม์จากภายนอกร่างกาย (หรือเอนไซม์จากอาหาร) จะถูกทำลายเมื่อผ่านกระบวนการปรุงอาหาร และความร้อน อาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้ ร่างกายก็จะไม่นำไปใช้ อาหารที่ไม่ถูกย่อยจะเคลื่อนตัวจากกระเพาะอาหารลงสู่ลำไส้ใหญ่ ดังนั้น ลำไส้ใหญ่ของเราก็จะเป็นเหมือนสถานีเก็บของเหลือใช้ ซึ่งในลำไส้ใหญ่จะมีผนังสำหรับป้องกันแบคทีเรียตัวร้ายที่จะเข้าสู่เส้นเลือด อาหารที่ไม่ถูกย่อยจะมีแบคทีเรียตัวร้ายอยู่ เจ้าแบคทีเรียตัวร้ายนี้แหล่ะที่ก่อให้เกิดสารพิษสะสม (ลองนึกภาพถังขยะที่เราทิ้งเศษอาหารไว้ในครัวเราดูนะคะ) ภาพของลำไส้ใหญ่เราของเรากับถังขยะในครัว เหมือนกันเลยค่ะ แต่ความแตกต่างคือ ในลำไส้ใหญ่ของเรามีลักษณะที่อุ่นและร้อนกว่าถังขยะในครัว ซึ่งเจ้าแบคทีเรียตัวร้ายชอบอาศัยอยู่
(รูป toxin colon ของเสียที่สะสมในลำไส้ใหญ่ กลิ่นแรงมากค่ะ)
ภาพนี้เจ้าของภาพกำจัดออกด้วยการดีท็อกซ์ค่ะ
เจ้าสิ่งนี้มันคือขยะในลำไส้ใหญ่
ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแค่วันเดียว แบคทีเรียตัวดีที่มีจำนวนเยอะกว่า ก็สามารถกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายออกไปได้ แต่ลองจินตนาการว่า ถ้าเกิดขึ้นทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ล่ะ แน่นอนว่า เกิดการสะสมและเพิ่มปริมาณแบคทีเรียตัวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อในลำไส้ใหญ่มีแต่แบคทีเรียตัวร้าย ซึ่งปล่อยสารพิษออกมา (toxin) สารพิษจะเข้าทำลายผนังลำไส้ใหญ่ที่กั้นไม่ให้สารพิษเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อผนังถูกทำลาย สารพิษจึงเริ่มเดินทางเข้าไปตามกระแสเลือดของเรา เลือดก็จะนำสารพิษเหล่านี้เข้าไปสู่ ตับ และ ไต ตามระบบการไหลเวียนโลหิต ตับและไต ของเราก็เป็นแหล่งกำจัดของเสีย (toxin)
แต่ถ้าของเสียเหล่านี้ ตับและไต ไม่สามารถกำจัดได้ ก็จะถูกเก็บสะสม ไว้ที่เซลล์ไขมัน กระดูก และกล้ามเนื้อ เสมือนกับการฝังสิ่งอันตรายไว้ในเซลล์ของร่างกาย
สิว กับ สารพิษ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เหตุผลที่สารพิษในร่างกายก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าหรือส่วนต่างๆของร่างกาย คือ สารพิษถูกผลักออกทางผิวหนังเพราะเซลล์ร่างกายต่อสู้กับสารพิษ จึงผลักให้ออกมาทางผิวหนัง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของแบคทีเรีย อีกหนึ่งเหตุผล คือ สารพิษเข้าไปรบกวนการผลิตฮอร์โมนของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทฤษฎีนี้ ก็มีที่มาจากแหล่งเดียวกัน คือ สารพิษรั่วไหลออกจากลำไส้ใหญ่นั่นเอง และสารพิษเหล่านี้ก็เข้าโจมตีจุดที่อ่อนที่สุดของร่างกาย ซึ่งร่างกายของคนเรานั้นถูกออกแบบมาแตกต่างกัน ในขณะที่คนหนึ่งแสดงออกถึงจุดอ่อนในร่างกายเมื่อมีสารพิษสะสมในปริมาณมาก คือ เป็นสิว ส่วนอีกคนแสดงออก คือ ความอ้วน , มีกลิ่นปากแรง, ปวดหัวไมเกรน ภูมิแพ้ โรคอ่อนเพลีย เป็นต้น อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ร่างกายมีสารพิษสะสมมากเกินไป จำเป็นต้องถูกกำจัดออก
สรุปสั้นๆ ดังนี้ค่ะ
อาหารที่ไม่ถูกย่อย --- > ทำให้แบคทีเรียตัวร้ายเจริญเติบโต --- > เกิดสารพิษในตับและไต ---> เ็ป็นสิว
แอร์เชื่อค่ะว่า สารพิษในร่างกายคือบ่อเกิดของสิว .... เพราะเมื่อแอร์ทำดีท็อกซ์ (กำจัดสารพิษออกจากลำไส้) ผลที่ได้รับคือ สิวยุบลงเร็วมาก ใช้เวลาเฉลี่ยไม่ถึงสัปดาห์ ในขณะที่การใช้ผลิตภัณฑ์หรือว่ายารักษาสิว ให้ผลรักษาโดยใช้เวลานับเดือน หรือ อาจไม่เห็นผลเลย
สาเหตุของอาหารไม่ย่อย
บางคนมีอาการของอาหารไม่ย่อย เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ แต่สำหรับบางคนอาจไม่มีสัญญาณบอกเหตุนั้นเลย ... มีหลายทฤษฎีที่บอกว่า อยากสุขภาพดีต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่อาหารในหมู่โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ทั้งคู่ ทำให้ระบบการย่อยอาหารแย่ลง เพราะการย่อยโปรตีน ต้องใช้กรดที่มีค่าเป็น กลาง ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตต้องใช้ด่างที่มีค่าเป็นกลาง แต่กระเพาะอาหารของเรามีค่าเป็นกรดกลางๆ ฉะนั้นคาร์โบไฮเดรตจึงไม่ถูกย่อยโดยกระเพาะอาหาร อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเมื่อกระเพาะย่อยไม่ได้ก็จะเคลื่อนตัวลงสู่ลำไส้เล็ก แต่ลำไส้เล็กมีสภาพเป็นด่างอ่อนๆ จึงย่อยอาหารในหมู่นี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้ากระเพาะอาหารมีกรดอยู่มาก ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียจำทำให้โปรตีนเน่าเปื่อยในกระเพาะอาหาร
ดังนั้นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ มีข้อสังเกตุคือ
1. โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ไม่สามารถย่อยได้พร้อมกัน ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานโปรตีนและคาโบไฮเดรตพร้อมกัน
2. ไขมันและคาโบไฮเดรตไม่สามารถย่อยได้พร้อมกัน
3. ควรรับประทานผลไม้ขณะท้องว่าง และไม่ควรรับประทานพร้อมอาหารอื่นๆ เพื่อให้ได้คุณค่าและวิตามินสูงสุด
4. การรับประทานอาหารง่ายๆ โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งทำให้ระบบย่อยทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
5. ควรรับประทานผักผลไม้ดิบ
สาเหตุอีกประการของอาหารไม่ย่อย
คือ เอนไซม์ไม่เพียงพอต่อการย่อย เอนไซม์คือสิ่งที่ร่างกายต้องการเพื่อทำให้เกิดปฎิกิริยาเคมีในการทำให้อาหารที่เรารับประทานเข้าไปมีขนาดเล็กลง เพื่อง่ายต่อระบบย่อยอาหาร ซึ่งเอนไซม์ในอาหารเหล่านี้มักถูกทำลายได้โดยง่ายจากการปรุงแต่งอาหาร ผ่านความร้อน และกระบวนการต่างๆ การปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนกว่า 118 ฟาเรนไฮต์ สามารถทำลายเอนไซม์ในอาหารได้อย่างสิ้นเชิง
อีกสาเหตุคือ การรับประทานอาหารมากเกินไป ทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหาและต้องทำงานอย่างหนัก การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้รวดเร็ว
สิวไดอารี่..My acne diary
บล็อคนี้ แอร์ทำขึ้นเพื่อ เป็นความรู้และแชร์ประสบการณ์เรื่องสิวๆ
ให้กับทุกคนที่กำลังประสบปัญหาีนี้อยู่ และทั้งผู้ที่บอกลาเจ้าสิวนี่อย่างถาวร ^___^
แอร์ได้ใช้วิธีนี้รักษาตัวเอง จนได้ผลดี เลยอยากนำความรู้และประสบการณ์ในช่วงที่เป็นสิว
จนกระทั่งสิวค่อยๆจางหายไป ถึงทุกวันนี้ แอร์เจอปัญหาสิวมามากกว่า 5 ปี
ทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้หายสิว
ทั้งกดสิว ฉีดสิว ใช้ยารักษาสิว กินยารักษาสิวเกือบจะทุกประเภท
เรียกว่าวิธีไหนรักษาสิวได้ แอร์ก็ทำมาหมด แต่ !!! มันไม่ใช่วิธีที่ทำให้สิวหายไป
สิวยังคงมีอยู่ ทรงๆ ทรุดๆ ประสบการณ์เลวร้ายของแอร์คือ
เคยไปรักษาที่คลินิกโรคผิวหนังแห่งหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนามค่ะ)
การรักษาที่นี่ก็คือ ฉีดสิว กดสิว ทานยา (โรแอคคิวเท็น)
และที่แย่กว่านั้น คือการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ ถ้าใครที่ยังไม่รู้่ว่า
การรักษาสิวอุดตันด้วยเลเซอร์ทำกันยังไง วันนี้มีคลิปมาให้ดูค่ะ
การรักษาสิวอุดตันด้วยเลเซอร์เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีไม่กี่คลินิกในเมืองไทยนำมาใช้ ขั้นตอนคือ ทาเจลบนหน้า ทิ้งไว้ ใส่หมวก ุุณเหมือนจะเข้าห้องผ่าตัดค่ะ ใส่ที่ปิดตาแบบกันแสงเลเซอร์ ส่วนวิธีรักษาดูจากภาพได้เลยค่ะ ว่าน่ากลัวมาก และเจ็บมากค่ะ แต่แอร์เคยทำแล้ว 4 ครั้ง คุณหมอที่คลินิก บอกว่า ใช้เวลารักษาสองเดือน ค่าใช้จ่ายก็สูงตามลำดับการรักษาค่ะ แต่ถามว่า ทำแล้วผลที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง ตอบได้เลยค่ะว่า .... หน้าแย่กว่าเดิม ทำให้เกิดรอยดำบนหน้าเยอะมาก จากรอยเลเซอร์และรอยกด
(แต่สำหรับคนไข้ที่ไปรักษาสิวบางท่านอาจได้ผลดี แต่สำหรับแอร์วิธีนี้ได้ผลในทางตรงกันข้าม)
หลังจากนั้นจึงเลิกไปหาหมอที่คลินิกดังกล่าว เลิกทานยาโรแอคคิวเท็น
(ที่เป็นยาวิเศษในการรักษาสิว) เลิกทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ผลิตภัณฑ์ในการรักษาสิวของคลินิกดังกล่าว วันต่อมาสิวขึ้นเต็มหน้าเลยค่ะ มีทั้งสิวหัวหนองและสิวอักเสบ นับสิบๆ เม็ด ขึ้นพร้อมกัน
ไม่กล้าออกจากบ้านเลยค่ะอายมาก หน้าทั้งแดง ทั้งแสบ ผลจากการกดสิว และรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นความทุกข์ทรมาน ทั้งภายในจิตใจและร่างกาย
แอร์พยายามหาวิธีรักษาสิวมาหลายวิธี แต่ก็ไม่เจอวิธีไหนจะได้ผลกับตัวเอง กลายเป็นปัญหาสิวเรื้อรัง มีสิวขึ้นทุกวัน แม้หน้าไม่มันก็มีสิว ..........T_T และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ไม่รู้จะรักษาอย่างไร จะไปหาหมอเทวดาที่ไหนดี ลองเข้าไปค้นข้อมูลจากเวปไซต์ acnethai.com เพื่อนๆที่มีปัญหาแต่ละคนก็จะมาแชร์ประสบการณ์กัน ว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ใช้แล้วได้ผล ใช้แล้วดี สิวหาย แอร์ก็สรรหามาใช้ค่ะ แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบ สิวก็ยังขึ้นอยู่เหมือนเดิม
จนกระทั่งวันนึง ได้ดูรายการทีวี ของคุณหมอแดง ดิ อโรคยา พูดถึง ปัญหาสิว ซึ่งคุณหมอแดงได้พูดถึงสาเหตุของสิวที่แท้จริง และการรักษาอย่างวิธีธรรมชาติบำบัดที่ให้ผลอย่างยั่งยืน จากนั้นแอร์จึงได้ศึกษาการรักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด โดยการค้นข้อมูลจากหลายๆที่ และทดลองด้วยตัวเอง จนวันนี้แอร์ได้รู้แล้วค่ะ ว่า "วิธีนี้ เป็นวิธีที่ได้ผลแน่นอน"
่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)