วันนี้นำบทความดีๆ มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านคุณหมอเวชศาสตร์ต้านชรา ซึ่งแอร์คิดว่าสิ่งที่คุณหมอเขียนนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับคนที่มีปัญหาสิว วิธีนี้แอร์ทดลองแล้วค่ะ ได้ผล ร้อยเปอร์เซ็นต์ ลองอ่านดูนะคะ
ใครที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวพรรณไม่สดใส มี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งเป็นสัญญาณของความเสื่อมของผิว เมื่อพูดถึงการดูแลผิว หมอเชื่อว่าหลายๆคน จะหาวิตามินอาหารเสริมมารับประทาน คาดหวังว่าจะมีผิวพรรณที่ดูสดใส อ่อนเยาว์ แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวัง เพราะขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้วิตามิน และการดูแลเรื่องอาหารอย่างถูกต้อง วันนี้หมอจะมาช่วยไขความลับ ว่าทำอย่างไรให้มีหน้าใสปิ้ง ไร้ริ้วรอย
1 แป้งและน้ำตาล อาหารผู้ร้ายทำลายผิว แป้งและน้ำตาลเป็นอาหารที่ทำให้คุณสวยหล่อน้อยลง ท่องไว้เลยครับถ้าไม่อยากถูกใครเรียกว่าหน้าเยิน ให้เลี่ยงแป้งและน้ำตาลขัดขาว ให้จำไว้ว่าน้ำตาล ของหวานทั้งหลายนั้น หวานแต่ร้าย ทำให้แก่เร็ว แป้งและน้ำตาลขัดขาวอันตราย เช่น ข้าวขาว, เส้นก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน, พาสต้า, สปาเก็ตตี้, พิซซ่า เค้ก คุ้กกี้ หันมาทานแป้งไม่ขัดสี ป้องกันผิวหน้าเยินกันเถอะครับ แป้งที่ไม่ขัดขาว หรือแป้งที่มีกากใยอาหาร เป็นอาหารที่ไม่กระตุ้นการอักเสบ ช่วยดับไฟอักเสบที่ผิว กากใยช่วยเบรคหรือชะลอไม่ให้น้ำตาลดูดซึมเข้าร่างกายเราเร็วเกินไป ถ้าคุณรักผิว ปกติที่ทานข้าวขาวลองเปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังขาวลองเปลี่ยนเป็นขนมปังโฮลวีท ขนมปังธัญพืช พาสต้าเส้นสีขาวเปลี่ยนมาเป็นพาสต้าโฮลเกรน แล้วน้ำตาลทำร้ายผิวหน้าเราอย่างไร หลายคนเริ่มมีคำถามในใจ ผิวหน้าเราเสื่อมเมื่อน้ำตาลรวมตัวกับโปรตีนครับ เราเรียกสภาวะนี้ว่าการเกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) โปรตีนที่เนื้อผิวเราก็คอลลาเจนนั่นเองครับ น้ำตาลเมื่อเข้าไปเกาะกับคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจน (Collagen) แข็งไม่ยืดหยุ่น เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวแย่ เยิน ไม่เนียนนุ่ม มีริ้วรอย
2 หลีกให้ไกลจากอนุมูลอิสระ ปัจจุบันนี้การแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย พูดถึงผู้ร้ายที่คอยทำลายผิวเราอีกตัวคือ “อนุมูลอิสระ (Free Radicals)” อนุมูลอิสระทำให้เซลล์เสื่อม เซลล์ผิวของเราก็ด้วย อนุมูลอิสระมาจากกระบวนเมทาบอลิซึมในร่างกาย หรือกระบวนการเผาผลาญอาหารที่เราทานเข้าไป ซึ่งเกิดขึ้นที่โรงงานของเซลล์ที่เรียกว่า “ไมโตคอนเดรีย” โดยอาศัยออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไปเป็นตัวช่วยได้เป็นพลังงานออกมา แต่ในขณะเดียวกันจะได้อนุมูลอิสระออกมาด้วย การเกิดอนุมูลอิสระเป็นปฏิกิริยาเดียวกับเมื่อเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเกิดเป็นสนิมเหล็กขึ้น แต่ในคนเราเรียกสนิมแก่ อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่มีอิเล็กตรอนไม่ครบคู่ ทำให้ไม่เสถียร จึงต้องเดินทางไปแย่งอิเล็กตรอนจากโมเลกุลอื่นๆ เปรียบดั่งหัวขโมย คอยขโมยอิเล็กตรอนไปจากเยื่อหุ้มเซลล์ และสารพันธุกรรมของเซลล์ที่เรียกว่า “ดีเอ็นเอ (DNA)” ทำให้เซลล์ เกิดความเสื่อม เสียหาย อนุมูลอิสระมักออกอาละวาดทำลายเซลล์ในร่างกายต่อเนื่องกันแบบโดมิโน คือสามารถเข้าทำลายเซลล์ในทุกที่ที่มันเคลื่อนตัวไป ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ คือ การรับประทานอาหารแคลอรี่สูง ปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงพวกปิ้งย่าง บุหรี่ แอลกอฮอล์ ควันพิษ ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในอาหาร แสงแดด ความเครียด ขาดการออกกำลังกาย
3 ทานผักหลากสี สนับสนุนให้ทานเยอะๆครับ อย่างน้อย 5 ทัพพีต่อวัน เป็นแหล่งรวม ของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้คุณสวยเด้ง หล่อเป๊ะ สารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) ซึ่งทางการแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยเรียกง่ายๆ ว่าสารต้านสนิมแก่
4 ดื่มน้ำสะอาดให้พอ เคล็ดลับผิวใสต้องมีน้ำสะอาดไว้ใกล้มือ เพื่อหยิบมาดื่ม ได้ตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ น้ำช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้โดยไม่ขัดข้อง กระบวนการเผาผลาญพลังงาน การขับถ่ายของเสีย ช่วยให้คุณผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดื่มเท่าใดจึงจะพอ มีวิธีคำนวณแบบง่ายที่สุด คือนำน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำเป็นซีซี ที่ควรดื่มต่อวันครับ
5 นอนให้เร็ว การหลั่งของโกรทฮอร์โมน(Growth hormone) หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “น้ำพุแห่งความเยาว์วัย” ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ จะหลั่งจากต่อมใต้สมองสูงสุดช่วง 4-5 ทุ่ม เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคนที่ชอบนอนดึก ก็เสี่ยงที่จะพร่องหรือขาดโกรทฮอร์โมนได้ ยิ่งถ้าใครอายุขึ้นเลขสาม การหลั่งของโกรทฮอร์โมนจะเริ่มน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เมื่อโกรทฮอร์โมนลดลงทำให้ความสามารถในการดูแลซ่อมแซมผิวลดลง ริ้วรอยต่างๆเริ่มมาเยือน แก้มห้อย คางห้อย ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย มีถุงใต้ตา
6 บทบาทวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระกับผิวพรรณเมื่ออายุมากขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่ร่างกายสร้างเองนั้นลดน้อยลง และถึงแม้จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหาร แต่คนส่วนใหญ่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณที่มากเกินกว่าที่ได้รับจากอาหารเพียงอย่างเดียว เช่น คนที่สูบบุหรี่ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษ ทานอาหารปิ้งย่าง มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง มีภาวะเครียดสะสม ปัจจุบันพบว่าแม้หนุ่มสาวอายุน้อยก็เริ่มจะมีปัญหาเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีปัจจัยทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น โดยปกติร่างกายเรามีกลไกในการกำจัดอนุมลอิสระ ซึ่งอาศัยการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส, ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส, คาทาเลส ดังนั้น การที่จะรับประทานวิตามินเพื่อลดการเกิดอนุมูลอิสระให้ได้ผล จะต้องใช้การรับประทานอาหารเสริมมากกว่าหนึ่งชนิด เปรียบเสมือนการฟังดนตรีวงออร์เคสตรา (orchestra) ซึ่งต้องใช้เครื่องดนตรีหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน อาหารเสริมที่มีผลการศึกษาเกี่ยวกับผิวพรรณที่น่าสนใจในปัจจุบัน
แอสต้าแซนติน (Astaxanthin)
เป็นสารสีส้มแดงที่อยู่ในเนื้อของปลาแซลมอน ไข่ปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ สาหร่ายฮีมาโตคอคคัส พลูเวียลิส (Haematococcus Pluvialis) เป็นอาหารเสริมตัวใหม่ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับวิตะมินเอ แต่สามารถจับกับอนุมูลอิสระได้ดีกว่า ไม่สะสมเป็นพิษเหมือนวิตามินเอ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนแอสต้าแซนตินเป็นวิตะมินเอได้ มีฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระที่ สูงกว่าวิตามิน ซี 6,000 เท่า สูงกว่าวิตะมินอี ถึง 550 เท่า สูงกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า มีการศึกษาพบว่า ในการรับประทานแอสตาแซติน ในขนาด 4 มก. ต่อวัน จะช่วยป้องกัน การเกิดฝ้าได้ ช่วยให้ผิวคงความอ่อนวัย ลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยและจุดด่างดำ แต่การที่เราจะได้รับแอสตาแซนธิน เพียง 1 มิลลิกรัม ต้องรับประทานปลาแซลมอน ถึง 200 กรัม ปัจจุบันจึงนำมาสกัดในรูปแคปซูลเป็นสารเสริมอาหาร
เอ็น อะเซติล ซีสเตอีน (N-acetyl cysteine, NAC)
เรียกสั้นๆว่า NAC ถูกนำมาใช้เป็นยาละลายเสมหะ แต่พบว่ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นให้ตับสร้างกลูต้าไธโอนได้ ซึ่งกลูต้าไธโอนเป็นสารสำคัญในการเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้กลายเป็นน้ำ และออกซิเจน นอกจากนั้น ยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนซัยม์ ทัยโรซิเนส ซึ่งใช้ในการสร้างสีผิว ทำให้ผิวขาวขึ้น มีคนนำกลูต้าไธโอน ชนิดรับประทานมาจำหน่ายในราคาแพง ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์ เพราะ กลูต้าโธโอนจะไม่ถูกดูดซึม จึงไม่สามารถเพิ่มระดับของ กลูต้าไธโอน ในเลือดได้ การเพิ่มระดับของ กลูต้าไธโอน จะทำได้ด้วยการรับประทาน NAC ครับ
ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (Superoxide Dismutase)
เป็นเอนไซม์ที่ต้านอนุมูลอิสระ ทำลายอนุมูลอิสระที่ชื่อ “ซูเปอร์ออกไซด์ (superoxide radical)” ทำงานร่วมกับแร่ธาตุสังกะสี ทองแดง และแมงกานีส ดีต่อผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและลดอัตราการถูกทำลายของเซลล์ลง แหล่งที่พบคือ ข้าวบาร์เลย์ บรอคโคลี่, กะหล่ำดอก, โกจิเบอร์รี่ (Goji berries), และต้นอ่อนข้าวสาลี (wheat grass) หลายๆคนคงเคยเห็นต้นอ่อนข้าวสาลีที่นำมาคั้นสดๆ คอยเสิร์ฟให้ดื่มกัน นั่นแหละครับอุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ SOD
สังกะสี (Zinc)
เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า SOD หรือ superoxide dismutase เป็นปราการแรกในการต้านอนุมูลอิสระจะช่วยชะลอการแก่ตายของเซลล์ตามธรรมชาติให้ช้าลง เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง ผมและเล็บ ทำให้ผมและเล็บแข็งแรง ช่วยรักษาแผล ให้หายเร็ว ภาวะขาดสังกะสีทำให้ ผมร่วง แผลหายช้า อาหารที่มีสังกะสีมาก ได้แก่ หอยต่างๆ ตับ ข้าวกล้อง รำข้าวสาลี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น